ล่ามพูดพร้อม คุยอังกฤษแชร์ 10 วิธีเก่งภาษาแบบไม่ต้องไปเมืองนอก | คำนี้ดี EP.1153 Feat. ฟ้า Engbypfah

Video Statistics and Information

Video
Captions Word Cloud
Reddit Comments
Captions
This is 'คำนี้ดี Featuring.' นี่คือรายการ คำนี้ดี Featuring My name is Bick, and welcome to the show. ผมชื่อบิ๊ก ยินดีต้อนรับสู่รายการครับ [Bick] ทุกคนครับ [Fah] Everyone. [Bick] พวกเราอยู่ด้วยกันมาประมาณ 6 ปีแล้วนะครับ [Fah] So today, we have been together for almost 6 years. [Bick] ทุกคนก็น่าจะรู้จักผมผ่านเรื่องราวที่ผมแชร์บ้างในบางครั้งนะครับ [Fah] Everyone might be familiar with me, you know me, from the stories that I share with you sometimes. [Bick] แต่รู้ไหมครับว่า [Fah] But do you know what? [Bick] มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยเล่าเลย นั่นก็คือ [Fah] There's one thing that I have never told anyone before, and that is, [Bick] ผมเคยไปทดสอบงานล่ามด้วยนะครับ [Fah] I have been tested to be an interpreter. [Bick] เรื่องนี้ประมาณ 20 ปีแล้วครับ [Fah] I auditioned for that just like 20 years ago. [Bick] ตอนนั้นผมได้รับจ๊อบมาจาก รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยคนหนึ่งที่รู้จักกันนะครับ [Fah] At that time, I was assigned by my friend in college, the person that I know. [Bick] แล้วมันเป็นงานของเอเจนซีโฆษณา [Fah] And It's an advertising agency. [Bick] หน้าที่ของผมคือการที่จะต้องไป นั่งสังเกตการณ์ Focus Group อยู่กลุ่มหนึ่งนะครับ [Fah] And my job at that time was that I had to be there, and I had to observe the focus group. [Bick] และสิ่งที่เขาจะทำก็คือ จะมีคนของเอเจนซีเป็นคนนำการพูดคุยกัน [Fah] And what they were doing was, a person from the agency had to lead the discussion [Bick] เพื่อทดสอบและเพื่อได้ความเห็นมาว่า [Fah] in order to test and get some opinions [Bick] สินค้าที่พวกเขาใช้กันเนี่ย เขารู้สึกอย่างไรบ้าง [Fah] on the feedback of the product, how they feel, something like that. [Bick] หน้าที่ของเราคืออยู่อีกห้องหนึ่ง แล้วก็คอยแปลทุกสิ่งทุกอย่าง [Fah] So, my job was to be in another room and translate everything, [Bick] ที่เกิดขึ้นในห้องนั้น [Fah] like literally everything, that happened in that room [Bick] ทันที [Fah] simultaneously. [Bick] เก็บทุกอย่าง [Fah] I had to translate everything. [Bick] แล้วไม่ว่าใครจะพูดขึ้นมา พร้อมกัน ทะเลาะกัน [Fah] And no matter if anyone says something, something comes up, if they fight, if they argue, [Bick] หรือบางคนพูดแล้วไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไร [Fah] or sometimes just say something and they get confused, I had to translate that. [Bick] ไม่ต้องสงสัยเลยใช่ไหมครับว่าผมได้งานหรือเปล่า [Fah] Right, no doubt if I get the job. [Bick] มันยากมากครับ [Fah] It was so hard. [Bick] แต่นั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่า ในโลกนี้มันมีงานแบบนี้ด้วย [Fah] But it was the first time I knew that this job exists in this world. [Bick] และผมก็รู้สึกคับข้องใจมาก โมโหตัวเองมากว่า ทำไมผมทำไม่ได้ เพราะอะไรรู้ไหมครับ [Fah] And I felt like, oh my gosh, I was so mad at myself. 'Why couldn't I do that?' [Bick] เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะว่าถ้าผมทำงานนี้ได้ ผมจะรวยมากครับ [Fah] Why? Because if I could do that job, I would be super rich. [Bick] เงินมันจะดีมากครับ [Fah] I will get money, you guys. [Bick] ผมไม่ต้องทำอะไรเลย นอกเหนือจากการเก็บตังค์แล้วก็รอเที่ยวอย่างเดียว [Fah] I don't have to do anything but just collect all my money, save all my money, and travel around. [Bick] 'ใครจะไปทำได้วะ' นี่คือสิ่งที่ผมคิดในวันนั้น [Fah] 'Who would be able to do that?' And I had that in mind, [Bick] 'ใครจะไปทำได้วะ' [Fah] that question, 'Who would be able to do that?' [Bick] แต่วันนี้คนที่ทำได้นั่งอยู่กับผมแล้วครับ [Fah] But today, the person who could do that is sitting with me now. [Bick] เธอชื่อฟ้าครับ [Fah] And her name is Fah. [Bick] เธอเป็นคนที่น่ารักมาก [Fah] She's a lovely person. [Bick] เก่งมาก [Fah] She's so talented. [Bick] คุณฟ้าสวยมาก [Fah] And she's so pretty. [Bick] นางงามจักรวาลทำอะไรเธอไม่ได้ เทพที่สุด [Fah] I don't want to translate that. อันนี้ไม่อยากแปลเลยค่ะ [Bick] I'm just messing with you. พี่หยอกเล่นครับ Thank you so much for coming. คุณฟ้า สวัสดีครับ ขอบคุณที่มาออกรายการเราครับ คุณฟ้า สวัสดีครับ [Fah] Thank you. สวัสดีค่ะ Hi! ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ [Bick] So, that's going to be one of my questions that พี่ว่าจะถามเรื่องนี้ด้วยนะ even though you don't agree with what people are saying, ถ้าต่อให้เราไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่อีกคนพูด do you still have to translate? ยังต้องแปลให้เขาอยู่ไหม [Fah] Well, I would have to say yes, บอกเลยว่าต้องแปลค่ะ but I was too shy and flattered when you said so. แต่ตอนพี่บิ๊กชม ฟ้าก็เขินเกิน [Bick] How do you like my story? เรื่องของพี่เป็นยังไงบ้างครับ It was a true story, by the way. เป็นเรื่องจริงด้วยนะ [Fah] I understand how you felt, เข้าใจเลยว่ารู้สึกยังไง seriously, that was a very challenging job. เพราะเอาจริงๆ ล่ามเป็นงานที่ยากมากค่ะ [Bick] It was so hard, incredibly hard. ยากมาก ยากจริงๆ I thought I was going to do well, to tell you the truth, เอาตรงๆ พี่นึกว่าพี่จะทำได้ดีนะ because my English was not bad, it was pretty good. เพราะว่าภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้แย่ ก็ดีพอตัว But it's a different story when you have to live-translate the whole thing immediately. แต่พอต้องแปลทั้งหมดสดๆ นี่มันคนละเรื่องเลย [Fah] And you were sitting in another room, คุณต้องนั่งอยู่อีกห้อง so you couldn't see anyone, right? มองไม่เห็นใครใช่ไหมคะ [Fah] Or you could see on the screen? [Bick] I can. [ฟ้า] หรือมีจอ [บิ๊ก] ดูในจอได้ครับ [Bick] I don't remember if it was through video or through a one-way mirror or something like that, จำไม่ค่อยได้ว่าแปลผ่านวิดีโอหรือผ่านกระจกกั้น อะไรประมาณนั้น but I did observe what was going on in the room. แต่ได้สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นในห้อง Actually it wasn't the real situation because it was a test, ซึ่งไม่ได้เป็นสถานการณ์จริงนะ เพราะเป็นบททดสอบ so nobody was going to put me into a real job ก็เลยไม่มีใครจ้างไปเป็นล่ามจริงๆ because they didn't know if I could do the job. เพราะไม่มีใครรู้ว่าพี่จะทำได้หรือเปล่า But I did horribly and I was so disappointed with myself at the time. ตอนนั้นทำได้แย่มาก พี่ผิดหวังในตัวเองมาก So, we are going to be talking about this more on this episode. ซึ่งเดี๋ยวเราจะได้พูดคุยกันในอีพีนี้มากขึ้น So, first of all, for a lot of people who are watching right now, อย่างแรกเลย สำหรับหลายๆ คนที่กำลังดูอยู่ตอนนี้ they might know that you're an interpreter that we have as a guest today. คงรู้แล้วว่าวันนี้เรามีแขกรับเชิญเป็นล่าม But please, introduce yourself to make sure our viewers know better who you are. แต่คุณฟ้าช่วยแนะนำตัวให้ผู้ฟังได้รู้จักมากขึ้นทีครับ So just tell me who you are and what you do. คุณเป็นใคร ทำอะไรอยู่บ้าง [Fah] So, my name is Fah, like, you introduced me already, ฟ้านะคะ เหมือนที่พี่บิ๊กแนะนำไปก่อนหน้าเลย and I am an English tutor. ฟ้าเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษ And I am also a simultaneous interpreter and a bilingual MC right now as well. เป็นล่ามพูดพร้อม และพิธีกรสองภาษาค่ะ [Bick] So, the kind of translation or interpretation วิธีแปล that you just did at the beginning of the show is called… ที่คุณฟ้าเพิ่งแปลไปตอนต้นรายการ คือการแปลแบบ... [Fah] Simultaneous. ล่ามพูดพร้อม [Bick] Simultaneous, which means happening at the same time, right? พูดพร้อม ซึ่งก็คือการแปลไปพร้อมๆ ณ เวลาเดียวกันถูกไหม [Fah] At the same time, instantly. ณ เวลาเดียวกันในทันทีค่ะ So you got the feeling of another person speaking at the same time. แล้วได้ยินอีกคนพูดไปพร้อมๆ กัน How did you feel as a listener? ในฐานะคนฟัง พี่บิ๊กรู้สึกยังไงคะ [Bick] Well, this is not a real situation, ก็นี่ไม่ใช่สถานการณ์จริง so I have to be super focused on what I want to say or speak. พี่จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองต้องพูด But for the real situation, you might be in a different room or you would have your own booth, แต่ถ้าของจริง ล่ามอาจจะต้องอยู่ในห้อง หรือมีตู้ของล่ามเอง so your interpretation would not bother. ตอนที่แปลจะได้ไม่ไปรบกวน [Fah] Interfere with or bother the speaker. ขัดขวางหรือรบกวนผู้พูด But you feel that level of focus, right? แต่พี่รู้สึกถึงระดับความจดจ่อใช่ไหมคะ And then you listen to me, and then you understand what I said. พี่ฟังฟ้าและเข้าใจสิ่งที่ฟ้าแปล [Bick] I tried not to listen to you because that would... พี่พยายามจะไม่ฟังเลยครับ ไม่งั้นจะ… But there's another form of interpretation, which is consecutive, right? แต่มีการแปลอีกแบบที่เรียกว่าล่ามพูดตาม Which means what? คืออะไรครับ [Fah] So, for consecutive interpretation, ล่ามพูดตาม you would have to wait for the speaker to pause คือต้องรอให้ผู้พูดพูดจบ before you convey the meaning in another language. แล้วค่อยแปลเป็นอีกภาษาค่ะ [Bick] And both of you would know the cue, right? ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็จะรู้คิวกันใช่ไหม Because they would know also that, เพราะคนพูดก็ต้องรู้ด้วยว่า you can say certain things, then you pause and wait for the translator to do their job. พูดอะไรไป เราต้องหยุดและรอให้ล่ามแปลตาม [Fah] Yes, but sometimes if they forget, ค่ะ แต่บางทีก็มีลืม then you have to remind them like, 'Please pause,' เราก็ต้องเตือนเขาว่า ‘หยุดด้วยค่ะ’ like, 'Hello.' ‘ล่ามอยู่นี่จ้ะ’ [Bick] So, you've done both, I think. ฟ้าทำมาแล้วทั้งสองแบบใช่ไหม [Fah] I've done both, yes. ใช่ค่ะ ทั้งคู่เลย [Bick] Which one do you prefer? ชอบแบบไหนมากกว่าครับ [Fah] I would have to say I like simultaneous interpretation more. ชอบล่ามพูดพร้อมมากกว่านะคะ [Bick] Really? จริงเหรอครับ [Fah] Yeah. ใช่ค่ะ It's challenging, right? ยากใช่ไหมล่ะคะ It's challenging... ท้าทายมากๆ [Bick] It's wild. บ้าไปแล้ว [Fah] Actually, both are challenging, จริงๆ ทั้งคู่ก็ยากหมดค่ะ but I feel like, for me, simultaneous interpretation is like, แต่สำหรับฟ้า ฟ้าว่าการแปลแบบพูดพร้อม there's little amount of loss during the translation or conveying of the meaning ทำให้เราต้องละเนื้อหาบางตอนระหว่างแปล because you have to translate literally everything being spoken. เพราะเราต้องแปลทุกประโยคที่พูดเลย But for consecutive interpretation, you have to take notes. แต่การเป็นล่ามพูดตามมันจดโน้ตได้ [Bick] That would help. มันช่วยได้ [Fah] And sometimes if you translate too long, it's going to take time. แล้วบางครั้งถ้าเราแปลนานเกิน เขาก็ต้องรอ So sometimes you have to shorten or summarize. เลยต้องย่อหรือสรุปใจความ [Bick] And the thing is เรื่องของเรื่องคือ คุณผู้ชมคุณผู้ฟังครับ คนคนนี้ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศมาก่อน You have never lived abroad before. ฟ้าไม่เคยอยู่ต่างประเทศมาก่อน [Fah] Never lived abroad, never studied abroad, or at any international schools. ไม่เคยอยู่หรือเรียนต่างประเทศ หรือเรียนโรงเรียนนานาชาติเลย [Bick] Why not? ทำไมล่ะครับ I mean, did you have a chance and decide not to go, เคยมีโอกาสต้องเลือก แล้วเลือกจะไม่ไปเหรอ or did you decide altogether that I'm fine by myself, หรือตัดสินใจแล้วว่าไม่ไปฉันก็โอเค I don't need to go and get further studies? ไม่ต้องเรียนต่อ [Fah] Well, to be honest, I didn't think about it much when I was younger. จริงๆ แล้วคือฟ้าไม่ได้คิดอะไรมากตอนเด็ก I think I did have a chance, คิดว่ามีโอกาสนะคะ but I didn't make a decision or something. แต่ไม่ได้ตัดสินใจไปหรืออะไรสักอย่าง I was really young. ตอนนั้นยังเด็กมาก [Bick] You didn't pursue it. คุณไม่ได้ไล่ตามมัน [Fah] Yeah, I didn't pursue it, and I didn't feel like I needed to at that time. ค่ะ ฟ้าไม่ได้อยากจะเรียนต่อ รู้สึกไม่ได้จำเป็นตอนนั้น Actually, all the credit goes to my mom จริงๆ ต้องยกเครดิตให้คุณแม่ because she's the one who introduced me to the English world. แม่เป็นคนเปิดโลกภาษาอังกฤษให้กับฟ้า She took me to a tutoring school when I was in kindergarten, พาฟ้าไปเรียนติวเสริมตอนอยู่ชั้นอนุบาล and I got to meet a very cool American teacher who just played games all the time, ที่มีครูชาวอเมริกันที่เล่นเกมตลอดเวลา like UNO cards or vocabulary card games. ไพ่ UNO ไพ่คำศัพท์ And I didn't focus on grammar that much, ไม่ได้สนใจไวยากรณ์ขนาดนั้น and I felt like I just wanted to have fun. แค่รู้สึกอยากสนุก I wanted to meet my teacher every day. อยากเจอคุณครูทุกวันเลย [Bick] Wasn't that the best way to learn English? นี่แหละวิธีเรียนภาษาที่ดีที่สุดใช่ไหมล่ะ [Fah] That's right, yeah. ใช่เลยค่ะ [Bick] Taking the textbook out of the equation at the beginning, I think. ไม่ต้องไปสนใจหนังสือตำราในตอนเริ่มแรก That would help a lot, so you don't feel the pressure of being super correct all the time, น่าจะช่วยได้มากเพราะเราไม่ต้องกดดันว่าจะต้องพูดถูกเป๊ะๆ ตลอดเวลา and people would correct you like, 'ลืมเติม ed นะลูก verb ลืมผันนะลูก' อะไรอย่างนี้ บางคนจะแก้เราเช่น 'ลืมเติม ed นะลูก verb ลืมผันนะลูก' อะไรอย่างนี้ [Fah] I didn't feel any pressure back then ค่ะ ฟ้าไม่กดดันเลยตอนนั้น because I think foreign teachers wouldn't put that kind of pressure on you เพราะคุณครูต่างชาติไม่ค่อยมากดดันอะไรเรา because the key is to just communicate. ขอแค่สื่อสารได้ นั่นสำคัญที่สุด [Bick] And have fun. และสนุกสนาน [Fah] Yeah, and just have fun. ใช่ค่ะ และสนุกไปกับการเรียน And if you say something wrong, if you make a mistake, ต่อให้เราพูดอะไรผิด they will correct you in a nice way. คุณครูก็จะใจดีตอนแก้ให้เรา They would just repeat the sentence in a correct form. เขาก็แค่พูดประโยคที่ถูกต้องซ้ำให้เราฟัง [Bick] ไม่มีการให้แบบว่าเขกโต๊ะเลย [Fah] No. ไม่มีค่ะ [Bick] I wish all English classes were like that อยากให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นแบบนี้ทุกที่จัง [Fah] Yeah, just like having fun. [Bick] for all the kids. [ฟ้า] ใช่ค่ะ แค่สนุกๆ [บิ๊ก] สำหรับเด็กๆ ทุกคน [Bick] So, you didn't go and study abroad, น้องฟ้าไม่ได้เรียนต่างประเทศ but somehow you managed to speak at this level. แต่ยังพูดได้ขนาดนี้ So, did you go to an international school or...? ได้เรียนโรงเรียนนานาชาติไหมนะครับ No? หรือไม่นะ [Fah] No. ไม่ค่ะ So I went to วัฒนา, เตรียมพัฒน์, เตรียมอุดม and then อักษรจุฬา ฟ้าเรียนวัฒนา, เตรียมพัฒน์, เตรียมอุดม และอักษรจุฬาฯ [Bick] An EP program? เรียนเป็นภาษาอังกฤษไหม [Fah] No. ไม่ค่ะ [Bick] No, not even an EP program. ไม่แม้แต่หลักสูตรภาษาอังกฤษหรอกเหรอ [Fah] Not an EP program, but when I was in เตรียมพัฒน์, ไม่ใช่ค่ะ แต่ตอนเรียนเตรียมพัฒน์ I was in an Intensive English Program. ฟ้าเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น But in order to be in that program, ซึ่งจะเรียนหลักสูตรนี้ได้ you have to have certain skills. ต้องมีทักษะบางอย่าง You have to pass another form of test or something like that, ต้องสอบเข้าอะไรประมาณนั้นค่ะ so it means you have to have a certain level of English proficiency. หมายถึงว่าต้องมีความถนัดทางภาษาอังกฤษในระดับที่ดี [Bick] So, how did you teach yourself to speak like a native? ถ้าอย่างนั้นฟ้าฝึกตัวเองให้พูดภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษายังไง [Fah] Like a native already? I'm flattered. เหมือนแล้วเหรอคะ ดีใจนะเนี่ย [Bick] Very close to native, ใกล้เคียงมากครับ but if I close my eyes, I would just think that I'm talking to a native speaker. แต่ถ้าพี่ปิดตาก็คือนึกว่าคุยอยู่กับฝรั่งนะ [Fah] Actually, this is a very simple answer. จริงๆ คำตอบของฟ้าง่ายมากเลย I just watched a lot of movies and listened to songs. ดูภาพยนตร์เยอะๆ ฟังเพลงภาษาอังกฤษ I would print out the lyrics and use my highlighter to highlight all the vocabulary พิมพ์เนื้อเพลงออกมาแล้วใช้ปากกาไฮไลต์ขีดเน้นคำศัพท์ and look up the words in the dictionary. แล้วไปเปิดพจนานุกรมดู I did all kinds of that, ฟ้าทำอะไรแบบนั้นค่ะ and I would talk to myself in the mirror. แล้วก็จะคุยกับตัวเองหน้ากระจก Sometimes I would repeat dialogue or monologue of the character บางครั้งก็จะพูดตามบทของตัวละคร without even knowing what it means when I was young. ไม่รู้ความหมายด้วยซ้ำตอนเด็กๆ I just remembered the whole thing and I just said it. จำบทแล้วก็พูดตามทั้งหมด [Bick] So, this is something that we have already talked about on the show multiple times, นี่เป็นสิ่งที่เราพูดกันในรายการหลายครั้งนะครับ and some people might be like, 'Really? Is that enough? แล้วหลายคนก็บอกว่า ‘จริงเหรอ แค่นี้ก็พอเหรอ Just to watch movies and listen to songs แค่ดูภาพยนตร์และฟังเพลง and probably listen to some podcasts and try to talk to yourself in English?' ฟังพอดแคสต์ คุยกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ Is that really enough to get you to this level? ทำแค่นี้ก็จะพูดได้ขนาดนี้จริงไหม [Fah] It is. พอค่ะ So I'm a living proof. ตัวฟ้าเป็นหลักฐาน [Bick] Did you do anything different, like in any specific way, to just...? ฟ้าได้ทำอะไรแตกต่างออกไปไหม I don't know, what are your tricks and tips that you can share? มีเคล็ดลับมาแบ่งปันไหมครับ [Fah] Well, I would say that for some people, they feel like it might not be enough, ฟ้าว่าบางคนอาจคิดว่ามันไม่พอ maybe because they haven't done enough. อาจเพราะพวกเขายังพยายามไม่มากพอค่ะ It's not the action itself that is not enough, ไม่ใช่แค่วิธีที่ไม่เพียงพอ but maybe because each person has a different speed and pace of learning, and something like that. เพราะคนเรามีจังหวะในการเรียนรู้และความไวต่อการเรียนต่างกัน So when I say I listen to podcasts, อย่างที่ฟ้าบอกว่าฟังพอดแคสต์ it's not just listening, but I would familiarize myself with the accent. ฟ้าไม่ได้แค่ฟัง แต่เราฟังเพื่อให้คุ้นเคยกับสำเนียง And when I come across that word somewhere else, แล้วพอไปเจอคำศัพท์ที่อื่น my memory would go back to the sound that I have heard before. สมองฟ้าก็จะจำได้ถึงเสียงที่เคยได้ยินมาก่อน Like, if you have never heard it in your life, you cannot pronounce it. ถ้าคุณไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ก็จะออกเสียงไม่ได้ So it's kind of like you have to create your own environment. ประมาณว่าเราต้องสร้างบรรยากาศรอบตัวให้ตัวเองค่ะ Maybe you just turn on something and make it run and play, อาจจะเปิดอะไรฟังหรือดู ปล่อยให้มันเล่นไปเรื่อยๆ and the sound is in your brain already, without you knowing. แล้วสมองเราจะซึมซับเสียงพวกนั้นโดยไม่รู้ตัวเอง [Bick] Put extra effort into the learning, พยายามให้มากขึ้นเวลาเรียน not just, 'Okay, I've listened to some episodes and so what?' ไม่ใช่ว่าแค่ ‘โอเคฟังมาหลายตอนและ แล้วยังไงต่อ’ And then what else did you do extra to make sure that you get what you needed to get? คุณทำอะไรอีกเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมาย [Fah] And when I say I watch a movie, it's not just one time. แล้วเวลาฟ้าบอกว่าดูภาพยนตร์ ไม่ใช่ดูแค่รอบเดียว I watch some movies like five times. ฟ้าดูภาพยนตร์ซ้ำห้ารอบก็มี I watch with the Thai subtitles, or sometimes English subtitles, English audio-English subtitles. ดูแบบเปิดซับไทย ซับอังกฤษ ซับอังกฤษแบบบรรยาย And that helps with the listening skill as well ซึ่งก็จะช่วยฝึกการฟังเราเช่นกัน because it's like when you hear the sound and it's the same as the letters as they go, พอเราได้ยินเสียงไปพร้อมๆ กับคำที่มันขึ้น they match, and then you get the word instantly. มันตรงกัน เราก็จะได้รู้คำศัพท์ทันที [Bick] So, maybe just repeat the movies you like. อาจจะดูภาพยนตร์ที่ชอบซ้ำๆ You get the freedom of choosing your own material. เราเลือกเองได้ว่าจะเลือกดูอะไร Just pick something that you would enjoy watching for 10 times and use it. เลือกเรื่องที่จะดูได้ซ้ำๆ เป็นสิบรอบแล้วเรียนรู้จากมัน [Fah] And you know what? What's even more amazing is that พี่บิ๊กรู้อะไรไหม สิ่งที่เยี่ยมไปกว่านั้นคือ you can learn English from a Thai movie. เราเรียนภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์ไทยได้ด้วยนะ [Bick] Oh, really? How? เหรอครับ ยังไงล่ะ [Fah] Turn on the English subtitles. เปิดซับอังกฤษค่ะ That's how I study translation as well in my free time. เวลาว่างฟ้าก็จะฝึกแปลจากวิธีนี้ [Bick] I totally forgot about that, พี่ลืมไปเลย you can do that, totally. ว่าเราทำแบบนั้นได้จริงด้วย [Fah] It's a really eye-opening experience. เป็นประสบการณ์ที่เปิดตาเปิดใจเรามาก You will learn vocabulary without feeling too tired เราเรียนคำศัพท์ได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยเกินไป because you understand the Thai, right? เพราะเราเข้าใจภาษาไทยอยู่แล้ว But then you will be amazed by how translators use each word for each expression, แต่เราจะอึ้งกับคำที่นักแปลเลือกใช้แปลในบางประโยคค่ะ and then you'll learn that English word. แล้วก็จะได้เรียนภาษาอังกฤษด้วย [Bick] And you would be like, 'Oh, I never thought of it that way before.' เราจะคิดว่า ‘โอ้ มันแปลแบบนี้ก็ได้ด้วยนะ’ Like, 'Oh, we can actually use this word to express that?' เราใช้คำนี้สื่อความหมายนี้ได้ด้วยเหรอ Wow, so cool. เจ๋งไปเลยครับ Well, before we move on to your interpreter job, ก่อนที่เราจะไปคุยเรื่องงานล่าม there are these two words: interpret and translate. มีอยู่สองคำคือ interpret และ translate ภาษาไทยใช้ด้วยกันคือแปล แต่ว่าภาษาอังกฤษมีใช้ 2 คำนี้ So, being a translator and being an interpreter, การเป็นนักแปลและล่าม is it similar or different in any way? เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ [Fah] So, translators deal with written words, นักแปลนั้นแปลจากตัวหนังสือ while interpreters deal with spoken words. ส่วนล่ามแปลจากคำพูด So actually, in Thai, 'translate,' we say 'แปล,' ภาษาไทยของ translate คือแปล but to 'interpret,' it should be 'ล่าม.' แต่ interpret ควรเป็นล่าม So interpretation doesn't only mean ตีความ, คำว่า interpretation ไม่ได้หมายความว่าแค่ตีความ but it can mean ล่าม แต่หมายถึงล่ามได้ด้วย ล่าม as a verb and ล่าม as a person. ล่ามที่เป็นคำกริยาและคำนาม [Bick] So it's different. มันต่างกัน But your focus is mainly on the interpretation job, right? ซึ่งฟ้าจะโฟกัสไปที่งานล่ามใช่ไหม So, tell us, how did you get your start in this line of work? ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยว่ามาทำงานสายนี้ได้ยังไง Was it a long time ago? นานแล้วหรือยังครับ [Fah] Not a long time ago, a few years before COVID-19, actually. ไม่นานมากค่ะ ก่อนโควิดประมาณ 2-3 ปี Not a long time ago. ไม่นานมาก Not at all. ไม่เลย [Bick] How did you start? เริ่มต้นจากอะไรครับ [Fah] I would have to say, ต้องบอกว่า going back to the first time I actually had a job, ถ้าย้อนกลับไปครั้งแรกที่ฟ้าเริ่มทำงานจริงๆ I was an English tutor when I was a 12th grader. ฟ้าเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษตอนอยู่ ม.6 So, that's the first time I actually worked. อันนั้นคือครั้งแรกที่ทำงาน And after that, I went to a lot of auditions for TV commercials and stuff like that, หลังจากนั้นก็ไปออดิชันโฆษณาทีวี so I knew casting crews and they knew the TV crews. ก็เลยพอรู้จักทีมงานที่คัดตัวนักแสดงและทีมงานกองถ่าย And then when they knew that I taught English, พอพวกเขารู้ว่าฟ้าสอนภาษาอังกฤษ they were kind of like, 'Oh, we have this program พวกเขาก็แบบ ‘โอ้ เรามีโครงการนี้อยู่นะ and we're auditioning for interpreters. กำลังมองหาล่ามอยู่ Do you want to try?' อยากมาลองคัดตัวไหม’ So, I tried, เลยไปลองค่ะ and the first job was the Dharma reality TV show. งานแรกเลยเป็นรายการเรียลิตี้ธรรมะ ธรรมะ, like religious-related jargon and stuff like that. ธรรมะ คำศัพท์เกี่ยวกับศาสนา And the first job was a one-month project live streaming on many platforms. ซึ่งกินเวลาไป 1 เดือน ออกอากาศหลายช่องทางเลย [Bick] How was it? เป็นอย่างไรบ้างครับ How was the experience? ประสบการณ์นั้น [Fah] I think it's a similar experience as you had, ฟ้าว่าคงคล้ายกับที่พี่บิ๊กเจอ like the first time jumping into this career. ตอนที่เข้ามาทำอาชีพนี้แรกๆ But I was fortunate to be trained a month before. แต่ฟ้าโชคดีที่ได้ฝึกฝนก่อนเดือนหนึ่ง Yeah, actually, the clients were so nice. ลูกค้าน่ารักมากเลยค่ะ They had a briefing meeting มีประชุมนัดบรีฟงาน where they asked the interpreters to meet up ลูกค้านัดล่ามมาเจอ and gave us reference materials to study one month before. แล้วก็ให้เอกสารคู่มือเพื่อเรียนก่อนถ่ายทำ 1 เดือน So all like the อริยสัจ 4, สังคหวัตถุ, something like that, คำศัพท์อย่างอริยสัจ 4, สังคหวัตถุ อะไรประมาณนั้น you had to know in Thai and in English before the show. เราต้องรู้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษก่อนรายการจะเริ่ม [Bick] So, is it just only from Thai to English? แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียวเลยไหม [Fash] Thai to English, yes. ใช่ค่ะ [Bick] And how about from English to Thai? แล้วภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยล่ะครับ Which one do you think is easier or more fun? คุณฟ้าว่าแบบไหนง่ายหรือสนุกมากกว่ากัน [Fah] For me, I like from Thai to English. ฟ้าชอบจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษค่ะ Did you expect that kind of answer? พี่บิ๊กคิดไว้ว่าคำตอบจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า [Bick] I don't even know… พี่ก็ไม่รู้เลย… Yeah, kind of. คงอย่างนั้นครับ Thai to English seems to be more fun or more flexible, I would say. แปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษดูสนุกและไหลลื่นได้มากกว่านะ I'm not even sure. ไม่มั่นใจเหมือนกัน So, talking about flexibility, เรื่องความลื่นไหล how much of that do you have in your work? ในการเป็นล่ามมีช่องว่างให้ทำแบบนั้นได้มากน้อยแค่ไหนครับ Like, are you allowed to be flexible with the choice of words, คุณสามารถแปลหรือเลือกสรรคำได้แค่ไหน or can you summarize or paraphrase หรือสามารถสรุปใจความ หรือพูดเป็นคำพูดของเราเอง as opposed to saying the whole thing word for word? แทนที่จะแปลคำต่อคำทั้งหมด [Fah] Really good question, it got me thinking about so many things. [ฟ้า] เป็นคำถามที่ดีมากค่ะ ทำให้ฟ้าได้ย้อนคิดอะไรหลายๆ อย่างเลย So, to answer the first question, ตอบคำถามแรกก่อน I'll show you that from Thai to English and English to Thai is so different. ฟ้าจะให้พี่ดูว่าการแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยมันต่างกันมาก Like, when it's Thai, it's like subject + verb + object, right? ภาษาไทยรูปแบบคือ ประธาน + กริยา + กรรม ถูกไหมคะ And then you have a noun and then adjective later. คำนามต่อด้วยคำคุณศัพท์ [Bick] ฉันกินข้าว [Fah] But for English, when it's a noun phrase, แต่ภาษาอังกฤษ พอเป็นกลุ่มคำ you have a noun, but then the adjective comes before the noun. คำคุณศัพท์มาก่อนคำนาม So that means when you translate, it goes like this แปลว่าตอนแปลมันจะเป็นแบบนี้ because, Thai, you need that คำนาม, เพราะภาษาไทยเราต้องมีคำนาม you need that noun, ต้องใช้คำนาม but the noun is like you have to wait for it. แต่ต้องรอให้เขาพูดคำนามก่อน So that's why grammar and syntax really matter when it comes to translation ไวยากรณ์และวากยสัมพันธ์ถึงสำคัญมากในการแปล Syntax is like how the words are arranged in a sentence. วากยสัมพันธ์คือรูปแบบของคำในโครงสร้างประโยค So, I think a good interpreter or translator needs to understand that kind of difference as well. ดังนั้นล่ามหรือนักแปลที่ดีต้องเข้าใจความแตกต่างตรงนี้ได้ดีด้วย [Bick] So, grammar is still important, ไวยากรณ์ก็ยังสำคัญอยู่ that you have to understand how words or sentences work? เพราะต้องเข้าใจว่าคำหรือประโยคมันเป็นยังไง [Fah] Right. ถูกค่ะ Like, basically, if I say 'He's done,' ง่ายๆ ถ้าพูดว่า ‘He’s done.’ 'He has done,' or 'He was done,' that's totally different meaning, right? มันเป็นได้ทั้งเขาทำและเขาพอแล้ว ความหมายแตกต่างกันเลย So sometimes grammar plays a part in the meaning, ไวยากรณ์ก็ส่งผลต่อความหมายเช่นกัน so you need to understand in order to convey the true meaning. เราต้องเข้าใจเพื่อจะแปลได้อย่างถูกต้อง So, your question about flexibility, ส่วนคำถามเกี่ยวกับความยืดหยุ่น and I would say that ideally, you have to translate everything ฟ้าว่าตามจริงแล้วเราต้องแปลทุกอย่าง and make it an equivalence, a correspondence. ต้องใช้คำที่ระดับเดียวกันและความหมายสอดคล้องกัน But actually, the more I study about these theories, แต่ยิ่งเรียนทฤษฎีต่างๆ there's no equivalence, no perfect equivalence into languages or cultures. ก็ยิ่งรู้ว่ามันไม่มีคำที่แทนกันได้เป๊ะๆ ตามบริบทของแต่ละภาษาและวัฒนธรรม [Bick] But do we get to the closest meaning? แต่ใช้คำที่ใกล้เคียงที่สุดแทน [Fah] Right, so that would be like a close equivalent or something like that. ค่ะ ก็เป็นคำที่มีความหมายใกล้เคียงที่สุด And when you ask about do I paraphrase or summarize, แล้วที่ถามว่าฟ้าแปลถอดใจความหรือสรุปความไหม which is a really good question. เป็นคำถามที่ดีอีกเหมือนกัน So, paraphrasing, actually, when you think about it, การถอดความเอามาพูดใหม่ ถ้าเรานึกดู you have to convey the same meaning using different words in the same language. มันต้องถ่ายทอดใจความเดิมโดยใช้คำที่แตกต่างในภาษานั้น But when you translate, it's a whole another language. แต่การแปลคือแปลเป็นอีกภาษาเลย If you say you paraphrase, you paraphrase the whole thing ถ้าจะถอดความก็ต้องถอดทั้งหมด because you have to convey it and put it into another language system. เพราะต้องเอามาแปลเป็นอีกภาษาด้วย [Bick] But could it mean like, maybe they're saying something แต่การถอดความหมายถึงแบบถ้าลูกค้าพูด and it sounds very formal, ภาษาทางการมากๆ and then you would want to paraphrase it เราถอดความ by making it easier to understand or less formal for some reason. ให้มันเข้าใจง่ายขึ้น และทางการน้อยลงได้ไหม So to me, that's how paraphrase could work in some context. สำหรับพี่ การนำมาเรียบเรียงเป็นคำพูดของตัวเองก็ใช้ได้ในบางกรณี And do you do that, or is it a good idea to paraphrase in that sense? คุณฟ้าทำไหมครับ หรือมันดีไหม ถ้าเป็นแบบนั้น [Fah] Well, to answer your question, เพื่อตอบคำถามพี่บิ๊กนะคะ when you translate something, you have to think about the sense and the form, เวลาที่เราแปลเราต้องนึกถึงความหมายและรูปแบบ the sense and the style. ความหมายและสไตล์การแปล So, there are certain types of equivalence. ความหมายระดับเดียวกันมีหลายแบบ For example, formal equivalence, like the form has to match, อย่างเช่น แบบทางการ รูปแบบการแปลก็ต้องตรงกัน or there's another type is dynamic, it's more flexible. หรือถ้าเป็นแบบที่มีความลึกตื้นก็จะยืดหยุ่นกว่า The goal is to convey the naturalness of the language. แปลให้สื่อความหมายได้อย่างเป็นธรรมชาติในภาษานั้นๆ So, to answer your question, yes, there are many translation approaches. ที่พี่บิ๊กถามก็มีวิธีการแปลหลายแบบค่ะ And factors that determine the approach, และปัจจัยที่จะต้องมาพิจารณาอีกเพื่อเลือกวิธีแปล you've got to make a decision. คุณต้องตัดสินใจ It's your call. ขึ้นอยู่กับคนแปลแล้ว [Bick] And you do need to go to different levels of languages too แล้วล่ามก็ต้องคิดเรื่องระดับภาษาด้วย in order to convey the vibe or the characteristics of the sentence. เพื่อถ่ายทอดลักษณะหรืออารมณ์ของประโยคนั้น For example, if I say 'โห โคตรเจ๋งเลยอะ' กับ 'มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมมาก,' เช่นถ้าพี่พูดว่า 'โห โคตรเจ๋งเลยอะ' กับ 'มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมมาก' of course, it would translate into different sentences, right? ก็ต้องแปลคนละแบบอยู่แล้วถูกไหม [Fah] That's right, yeah, basically. ใช่ค่ะ Because the factors that I said that could determine, ปัจจัยที่ฟ้าบอกว่าเป็นตัวตัดสิน like the target audience or the purpose of the meeting, อาจเป็นกลุ่มผู้ฟัง หรือจุดประสงค์ของการประชุม or if the clients give you a brief like, 'You should do this, you should tone this down or...' หรือลูกค้าบรีฟงานมาก่อนหรือเปล่าว่าต้องทำแบบนี้ ต้องพูดให้เบาลงนะ It depends, right? มันก็แล้วแต่ถูกไหมล่ะ But definitely, you have to think about the sense and the style. แต่แน่นอนเราต้องคำนึงถึงความหมายและสไตล์ค่ะ [Bick] I was thinking about like if it's like a peace talk between leaders of nations, ผมกำลังคิดอยู่เลยว่าถ้าเป็นการเจรจาสันติภาพระหว่างผู้นำประเทศ and you be like too casual, like all the slangs, จะมาแปลแบบคุยเล่น ใช้สำนวนก็ไม่ได้ that wouldn't match, right? มันก็คงไม่เข้ากัน [Fah] They would kill me, the clients would kill me. ลูกค้าคงฆ่าฟ้าเลยแหละค่ะ [Bick] I know, right? ใช่ไหมล่ะ And vice versa, you cannot be too formal in a very casual and fun situation. ในทางกลับกัน บทสนทนาสบายๆ ก็ไม่ควรแปลให้เป็นทางการเกินไป That would also change the atmosphere. ไม่อย่างนั้นบรรยากาศเปลี่ยนหมด [Fah] That's right. ถูกต้องค่ะ So, I would say that we have the agency to make a decision, ฟ้าก็คงตอบว่าเราเลือกการตัดสินใจของเราเองได้ but it's not… แต่ไม่ใช่… We can take the liberty of doing something, but in a certain degree. คือเรามีอิสระในการแปล แต่ก็มีขอบเขตของมัน [Bick] So it's not just like, 'Okay, I'm very good at English, ไม่ใช่ว่า ‘โอเคฉันเก่งภาษาอังกฤษ I got all A's, and now I can go and work as an interpreter.' ได้เอทุกวิชา เพราะฉะนั้นไปเป็นล่ามได้แล้ว’ It needs not a little, but a lot more than that. มันต้องอาศัยมากกว่านั้น [Fah] Right. ใช่เลย [Bick] So, you have to study even your audience, your material, and the content. ต้องทำการบ้านเรื่องคนฟัง คู่มือ และเนื้อหา But if you don't have a lot of material beforehand, แต่ถ้าไม่ได้เอกสารคู่มือมาก่อนล่วงหน้าแบบนี้ I mean, you just told me the story about the job that you just had and you had no preparation ฟ้าเพิ่งเล่าเรื่องงานที่ไม่ได้เตรียมตัวเลย because you had no material sent to you. เพราะทางลูกค้าไม่ได้ส่งอะไรมาให้ And that would be a lot tricky. คงจะยากขึ้นมาก [Fah] That would be really challenging, มันจะยากและท้าทายมากๆ ค่ะ and that is like the common issues that all interpreters face, เป็นปัญหาที่ล่ามทุกคนต้องเจอ interpreters around the world. ล่ามทั่วโลก So, actually, this is a really good opportunity and platform ขอใช้โอกาสและพื้นที่ตรงนี้พูดเลยละกันค่ะ to share with clients and organizers as well ถึงลูกค้าและผู้จัดด้วยนะคะ that we need time to prepare, ล่ามต้องการเวลาเตรียมตัว and you should, if you want the best performance, give us the reference materials, please. ถ้าอยากให้เราทำงานได้อย่างเต็มที่ได้โปรดส่งเนื้อหามาให้ก่อนล่วงหน้าด้วยนะคะ [Bick] In order to do a great job for you. จะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ [Fah] However, I understand some limitations, แต่ฟ้าก็เข้าใจว่ามันมีข้อจำกัดบางอย่าง maybe it's not finished or it's not finalized, เนื้อหาอาจจะยังไม่เสร็จหรือว่ายังไม่ใช่เวอร์ชันสุดท้าย what I could do, my best, I still need research and preparation, สิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือการค้นคว้าแล้วก็เตรียมตัว I would just Google the name of the organization, ฟ้าจะเสิร์ชชื่อองค์กร and I would read the whole website, อ่านทั้งเว็บไซต์ like vision, mission, the name of whatever. วิสัยทัศน์, ภารกิจ, ชื่อต่างๆ หรืออะไรก็ตามแต่ And I do more than that แล้วก็ทำมากกว่านั้นด้วย I actually look up on Google, on YouTube as well, ดูทั้งใน Google และใน YouTube and search for the videos if they make a speech anywhere หาวิดีโอที่เขาอาจจะเคยไปพูดที่ไหน to be acquainted with the accent if I have to translate that person. ทำตัวให้ชินกับสำเนียงถ้าจะต้องแปลให้กับคนคนนั้น Like, sometimes you prepare blindly บางครั้งเตรียมไปก็ไม่ได้ใช้ but overprepare is better than underprepare, right? แต่การเตรียมตัวไปมากเกินมันดีกว่าน้อยเกินถูกไหมล่ะคะ [Bick] So, you've studied your Masters, which is for translation. คุณฟ้าเรียนปริญญาโทเกี่ยวกับการแปลด้วย What is the name of the degree? สาขาวิชาอะไรนะครับ [Fah] The name is 'Translation and Interpretation,' สาขาวิชาการแปลและการล่ามค่ะ but the focus was on interpretation. เราจะเน้นไปที่การล่าม [Bick] So what I want to ask you is, ที่พี่อยากถามฟ้าก็คือ did they prepare you for all this in school? ที่มหาวิทยาลัยได้เตรียมตัวให้นักศึกษาไหม Like, did they tell you that this might happen, ว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง so you have to familiarize yourself with stuff like this, จะได้ทำตัวให้เคยชินกับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ or did you just learn that on the job? หรือว่าได้ไปเรียนจริงๆ ตอนทำงานเลยครับ [Fah] On the job, I would have to say, ตอนทำงานมากกว่าค่ะ because translation, as you know by now, is so different from interpretation เพราะว่ามาถึงตรงนี้น่าจะรู้ว่าการแปลและการล่ามต่างกันมากๆ because they deal with written words only. เพราะเวลาแปลคือแปลจากตัวอักษรอย่างเดียว So for translation courses, they will focus on translating articles, news, subtitles, or even advertisements. ดังนั้นวิชาแปลจะเน้นไปที่การแปลบทความ, ข่าว, ซับไตเติล หรือโฆษณา [Bick] So they did not teach you. ก็คือไม่ได้สอน There were no classes for live interpretation like you do, right? ไม่มีวิชาเรียนการเป็นล่ามใช่ไหมครับ [Fah] There are a few courses, but they are not open every year. มีบ้างค่ะ แต่ไม่ได้เปิดให้ลงเรียนทุกปี They are not available all the time. ไม่เปิดให้เรียนตลอด So I learned a lot of things on the job, for real. ทำให้ฟ้าเรียนอะไรหลายๆ อย่างจากการทำงานมากกว่า Like the first job, I learned to… อย่างงานแรกก็ได้เรียนรู้ว่า How do you translate the word 'พี่?' จะแปลคำว่า ‘พี่’ ยังไง [Bick] Older brother? พี่ชายคนโตเหรอ Like, 'พี่' in what context? พี่ในบริบทไหนนะครับ [Fah] So you don't know, right? พี่บิ๊กก็ไม่รู้ใช่ไหมคะ [Bick] Or senior at work? หรือรุ่นพี่ที่ทำงาน [Fah] It's hard, right? ยากใช่ไหมล่ะคะ This is a problem, this is a challenge already. แค่นี้ก็ยาก เป็นปัญหาแล้ว So, there was like one person in that show and said, 'พี่ผมๆ,' คือมีคนหนึ่งในรายการที่พูดว่า ‘พี่ผมๆ’ but then you don't know if you're going to say brother or sister เราก็ไม่รู้ว่าหมายถึงพี่ชายหรือพี่สาว because in English, you have to identify the gender, right? เพราะในภาษาอังกฤษมีการแบ่งเพศด้วย [Bick] Or ลูกพี่ลูกน้อง or พี่จริงๆ [Fah] Yeah, you don't know, right? [บิ๊ก] หรือลูกพี่ลูกน้อง หรือพี่จริงๆ [ฟ้า] ใช่ค่ะ เราไม่รู้เลย [Fah] So, that day, I couldn't do it. ในวันนั้นฟ้าก็เลยแปลไม่ได้ I just said 'sibling.' ฟ้าพูดคำว่า sibling ไป That's the best that I could do. นึกออกได้แค่คำนั้น [Bick] You just have to risk it ต้องลองเสี่ยงกันดู because it's very like… เพราะว่ามันแบบ It has to be then and there. ต้องแปลเดี๋ยวนั้น ตรงนั้นเลย [Fah] I could not just Google and read the biography or something like that. จะให้ไปเสิร์ช Google หรืออ่านประวัติส่วนตัวก็ไม่ได้ [Bick] You didn't have time for that. ไม่มีเวลาทำแบบนั้น [Fah] But what I could do was, it was the first job and it was a one-month project, พอเป็นงานแรกแล้วก็เป็นโปรเจกต์หนึ่งเดือนด้วย สิ่งที่ฟ้าทำได้ so I had time to make it better. เพื่อพัฒนาตัวเองก็คือ So when I came home that day, พอวันนั้นกลับถึงบ้าน I searched about that person. เราก็ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคนคนนั้น I watched all the introduction videos, like มีพี่ น้อง ผู้หญิง ผู้ชาย. ฟ้าดูวิดีโอแนะนำตัวทั้งหมดเลยว่ามีพี่น้องผู้หญิงผู้ชาย [Bick] Pull up the family tree. หงายการ์ดแผนภูมิครอบครัวเลย [Fah] And I put it on a Post-it and put it on the desk แล้วก็แปะโพสต์อิทไว้บนโต๊ะทำงานค่ะ so that the next time anyone says 'พี่' or 'น้อง,' พอเวลาครั้งต่อไปใครพูดว่าพี่หรือน้อง I can know that is sister or brother. เราก็จะได้รู้ว่าเป็นพี่สาวหรือน้องชาย It's something that they don't teach you. อันนี้ก็เป็นบางอย่างที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน [Bick] There's a lot going into your job. เป็นล่ามนี่มีรายละเอียดเยอะเลย I mean, it's not just, 'Oh, I master both languages, I can do the job,' no. ไม่ใช่ว่าแค่เก่งทั้งสองภาษาแล้วจะทำได้ ไม่เลย [Fah] No. ไม่เลยค่ะ Even if you translate like, 'I and you,' อย่างถ้าแปลแค่ ‘I and you’ how are you going to translate that? จะแปลยังไง [Bick] I know like, we have many to choose from. ใช่ไหมล่ะเรามีให้เลือกเยอะมากเลย [Fah] If it's a relationship between a mother and her son, it could be like, ถ้าเป็นระหว่างแม่กับลูกชาย ก็จะแปลได้ว่า 'แม่-ลูก,' 'ผม-คุณ,' 'ฉัน-เธอ,' 'คุณ-ท่าน,' [Bick] And most of the time when you do live interpretation, ซึ่งบ่อยครั้งในการแปลแบบสดๆ you do it both ways, right? ต้องแปลทั้งสองทางใช่ไหม From Thai to English and English to Thai, ทั้งจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย so you're doubly challenged on both languages. ก็คือเจองานยากทั้งสองภาษาเลย [Fah] You need to be able to do the code-switching. ต้องรู้จักสลับภาษาให้เป็นค่ะ Sometimes you have to switch the language in the middle of a sentence. บางครั้งต้องสลับภาษาในระหว่างที่กำลังพูดอยู่ด้วย Sounds fun, right? ฟังดูน่าสนุกใช่ไหมล่ะ [Bick] I feel better now that it's obvious, and that's why I couldn't do it. พี่รู้สึกดีขึ้นแล้ว เห็นชัดอยู่ นี่ไงเลยทำงานนี้ไม่ได้ [Fah] You could do it. พี่บิ๊กทำได้นะ I think maybe you need some brain exercise or some warm-up, ฟ้าว่าอาจจะแค่ต้องการฝึกสมองหรืออุ่นเครื่องก่อน maybe like 5 or 10 minutes. สัก 5 หรือ 10 นาที After you do that and then you'll be like เครื่องติด. จะได้เครื่องติด [Bick] I think if I had more time, I think I can do it. พี่ว่าถ้าได้เวลามากกว่านั้นคงทำได้แหละครับ I think because I've done it before for consecutive interpretation เพราะพี่เคยเป็นล่ามพูดตามมาก่อน because I used to do the radio DJ job, สมัยตอนเป็นดีเจวิทยุ and a lot of times we interviewed international artists, หลายครั้งต้องสัมภาษณ์ศิลปินชาวต่างชาติ and I had to do the translation anyway for both languages. ก็ต้องแปลทั้งสองภาษา But right then, I think it was not that tough แต่ตอนนั้นคิดว่าไม่ยากมากนะ because I would have time for them to finish, เพราะยังมีเวลาให้แปลจบ and then I could think for a little bit and then I did the translation. แล้วก็ได้คิดก่อนค่อยแปลด้วย But you don't wait, and you can't wait, แต่อย่างฟ้าคือไม่รอ รอไม่ได้ you just have to like ไล่งับเลยใช่ไหมครับ ต้องแบบไล่งับเลยใช่ไหมครับ [Fah] Yeah, actually, I cannot wait. ใช่ค่ะ ฟ้ารอไม่ได้เลย Actually, there's a word, it's called cognitive load. จริงๆ มีคำไว้เรียกด้วยนะ คำว่าการทำงานของสมองในส่วนความจำ It's like your brain's memory. คือความจำของสมอง So, the more slowly you go, ยิ่งแปลช้าเท่าไร you have to remember more. ยิ่งจำมากขึ้น [Bick] That's true. ก็จริงครับ [Fah] And then you struggle more, แล้วมันก็จะยากมากขึ้นด้วย so you have to do it fast เลยต้องแปลให้เร็ว so that you don't have to remember anything. จะได้ไม่ต้องจำอะไรมากค่ะ [Bick] เออ จริงด้วย คือ Unload ไปเลย Unload แล้วก็แบบว่า... [Fah] Yeah, something like that. ใช่ อะไรแบบนั้น [Bick] I think that's the fun part for you พี่ว่าอันนี้ฟ้าสนุกแล้ว when you talk about that, I can see the sparkle. เวลาที่ฟ้าพูดถึงสิ่งนี้ ฟ้าตาเป็นประกายเลยครับ It's like, “This is how I have fun.” เหมือนกำลังพูดว่า “ดูสิ ฉันสนุกแค่ไหน” [Fah] Yeah, it's actually really fun and really challenging, ใช่ค่ะ เพราะว่ามันสนุกมากและก็ท้าทายมากเช่นกัน and it just keeps your brain going and running. สมองต้องทำงานตลอดเวลา And all the information and knowledge you have all your life, ข้อมูลความรู้ที่สะสมมาตลอดชีวิต it becomes relevant. จะได้นำมาใช้ด้วย When people complain, when they study at school, they can be like ตอนเรียนเวลาที่คนบ่นว่า “Why are we studying this?” “ทำไมเราต้องเรียนเรื่องนี้ด้วย” “We don't have to use this.” “ไม่เห็นต้องใช้เลย” [Bick] But you never know. คุณไม่มีทางรู้หรอก [Fah] You never know. ไม่มีทางรู้เลย I got to translate a lot of religious-related jargon, like in Buddhism, ฟ้าต้องแปลศัพท์ทางศาสนาเยอะมากในศาสนาพุทธ and I thought of myself when I was really young, like, แล้วก็นั่งนึกกับตัวเองว่าตอนเด็กๆ “Oh, I study hard. I remember what these are,” something like that. “เราเรียนหนัก เราจำได้” [Bick] That's the thing, ใช่เลย the thin line between being a so-so interpreter and a great interpreter. มันมีเส้นบางๆ กั้นระหว่างการเป็นล่ามที่ดีและล่ามทั่วไป If you have a lot accumulated over time, ถ้าเราสั่งสมความรู้มานาน like all the knowledge and a wide variety of stories. ทั้งความรู้และเรื่องในหลากหลายแขนง [Fah] I'm actually lucky because I started as an English tutor. ฟ้าโชคดีที่เริ่มจากการเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษ So, I did a lot of exams, เพราะเราต้องทำข้อสอบเยอะมากค่ะ like I read a lot of TOEFL and IELTS exams. ต้องอ่านทั้ง TOEFL​​ และ IELTS So, I got to know a lot of vocabulary in different fields. เลยได้รู้ศัพท์จากหลากหลายแขนง So, I can just put it into use. It comes in handy. พอถึงเวลาก็นำมาใช้ได้จริง [Bick] Comes in handy. คล่องเลย Okay, teach me. สอนพี่หน่อย Help me get my start. ช่วยพี่เริ่มทำอาชีพนี้ For example, if I wanted to start my journey as an interpreter, where do I start? สมมติถ้าอยากเป็นล่ามต้องเริ่มจากตรงไหนครับ This is for a lot of people who are watching right now too. อันนี้สำหรับหลายๆ คนที่ดูอยู่ตอนนี้ด้วย That they think, “Okay, I have a pretty good command of English, พี่คิดว่า “โอเค ตัวเองก็ภาษาอังกฤษใช้ได้ and I want to pursue or explore if I can do this job.” และอยากจะลองดูว่าทำงานนี้ได้ไหม” Where do they start? เริ่มอย่างไรดีครับ [Fah] That's a really tough question to answer [ฟ้า] เป็นคำถามที่ตอบยากจริงๆ ค่ะ because different people have different approaches, right? เพราะแต่ละคนก็มีวิธีที่แตกต่างกัน But for me, I started by studying the vocabulary first, if I got a job, แต่ตัวฟ้าเริ่มจากทำความรู้จักศัพท์ก่อนเมื่อรับงานมา or even if I didn't, I would just collect and take notes of all the words that I learned. หรือตอนไม่ได้รับงานมาทำ ฟ้าก็จะจด สะสมศัพท์ทุกคำที่ได้เรียน Like when I listened to podcasts, I would just take notes. เช่น เวลาฟังพอดแคสต์ ฟ้าก็จะจดโน้ต I would copy the whole sentence if I liked it and put it down, ถ้าเจอประโยคที่ชอบ ก็จะเขียนลอกทั้งประโยค and I'd revise and review it a lot. แล้วก็กลับมาดูทบทวนบ่อยๆ And also, another thing that I would like to suggest you all do… อีกอย่างที่ฟ้าอยากแนะนำให้ทุกคนทำคือ... [Bick] Wow, she came prepared. [บิ๊ก] ว้าว! เตรียมตัวมาดีแฮะ [Fah] So, everyone can remember. [ฟ้า] เพื่อให้ทุกคนจำศัพท์ได้ So you have heard of comparative reading, right? พี่บิ๊กน่าจะเคยได้ยินเรื่องการอ่านเทียบใช่ไหมคะ This is literally like comparing two books in English and Thai, page by page. มันคือการเทียบหนังสือฉบับอังกฤษกับไทยคู่กันแบบหน้าต่อหน้า [Bick] So, same book but in different languages, obviously, [บิ๊ก] ก็คือเรื่องเดียวกัน คนละภาษานั่นเอง and you just, did you say like, 'Page for page?' แล้วก็ ‘หน้าต่อหน้า’ เลยเหรอ [Fah] You can do that. [ฟ้า] ทำได้นะคะ You can do chapter after chapter, or page after page, จะบทต่อบทหรือหน้าต่อหน้าก็ได้ค่ะ or sentence after sentence, if you have a question. หรือจะไปทีละประโยคก็ได้ It's like when you read something and you think, 'How am I going to translate this?' เหมือนเวลาอ่านอะไรแล้วสงสัยว่า ‘จะแปลใจความนี้อย่างไรดี’ [Bick] And then you go and check. [Fah] And then you have the answer. [บิ๊ก] ก็ไปเปิดดูได้ [ฟ้า] ก็จะมีคำตอบรออยู่ [Bick] That's a neat way to practice. [บิ๊ก] วิธีเฉียบมากครับ [Fah] Have you ever done that? [ฟ้า] เคยทำไหมคะ [Bick] I haven't done that. [บิ๊ก] ไม่เคยทำเลย [Fah] It sounds really nerdy, right? [ฟ้า] ฟังดูเนิร์ดมากใช่ไหมคะ Why would you buy two books with the same story? คนอะไรซื้อหนังสือเรื่องเดียวกันสองเล่ม [Bick] But I can see the fun in that [บิ๊ก] แต่พอเข้าใจความสนุกของมันนะ because I also work as an editor for… เพราะผมเองก็เคยทำงานเป็นบรรณาธิการหนังสือ เป็นบรรณาธิการต้นฉบับแปล So, this is kind of what I do also เพราะฉะนั้นอะไรแบบนี้ก็คืองานผมเหมือนกัน because I have to go over all the translations from a translator, ต้องตรวจต้นฉบับแปลจากนักแปล and then I have to check. แล้วก็ต้องไปเทียบ I need to compare. ผมต้องกลับไปเทียบกับต้นฉบับ Actually, I've done this but not for myself, for my work. จะว่าไปผมก็เคยทำแหละ แค่ใช้กับงาน ไม่ใช่กับตัวเอง So, I need to make sure that the translation is accurate. ผมต้องตรวจว่าบทแปลนั้นถูกต้อง [Fah] But for many people, if they want to practice, they can do it for fun. [ฟ้า] แต่ถ้าอยากฝึก ทุกคนลองทำดูสนุกๆ ได้นะคะ And also, like I told you before, when I watch movies, แล้วก็อย่างที่ฟ้าบอก เวลาฟ้าดูหนัง I would always turn on English subtitles, even if I watch a Thai movie. ฟ้าจะเปิดซับภาษาอังกฤษตลอด แม้จะดูหนังไทยอยู่ก็ตาม That's how I study how other people translate things. เป็นวิธีศึกษาว่าคนอื่นเขาแปลกันอย่างไร [Bick] That's so cool. [บิ๊ก] เจ๋งอะ [Fah] And actually, when you watch something, even though you're not on your job, [ฟ้า] อีกอย่างเวลาเราดูอะไรก็ตาม แม้จะไม่ใช่ช่วงทำงาน you would come across problems or challenges all the time เราก็จะเจอกับปัญหาและความท้าทายตลอดเวลา because there are a lot of cultural differences. เพราะความแตกต่างทางวัฒนธรรมมันเยอะมาก For example, I watch 'Pee Mak,' เช่น ฟ้าดู ‘พี่มาก’ and then there's a game like charades with people guessing words. แล้วเขาก็มีเกมทายคำ And there's like ‘pee-sua’ (ghost-shirt in Thai). คำตอบไทยมันคือ ‘ผี-เสื้อ’ because Mae Nak is a ghost, right? เพราะนางนากเป็นผีเนอะ How are you going to translate that? คุณจะแปลอย่างไร ‘Ghost’ and then point at the shirt ชี้ผี แล้วก็ชี้ไปที่เสื้อ So the translation is like 'dead' and 'shirt,' ฉะนั้นต้องปรับคำแปลเป็น ‘เดด’ (ตาย) และ ‘เชิร์ต’ (เสื้อ) dead-shirt -> desert. ‘เดด-เชิร์ต’ ก็กลายเป็น ‘เดดเสิร์ต’ (ทะเลทราย) So it's not butterfly anymore. ไม่ได้แปลว่า ‘ผีเสื้อ’ อีกต่อไป It's not ผีเสื้อ, but it becomes dead-shirt -> desert. ไม่ใช่ผีเสื้อ แต่เป็น ‘เดดเชิร์ต’ หรือ ‘เดดเสิร์ต’ You see, it's always fascinating. เห็นไหมคะ มันน่าหลงใหลเสมอ [Bick] But in that case, you have to have the authority to change things [บิ๊ก] กรณีแบบนี้นักแปลก็มีอำนาจในการปรับเปลี่ยน accordingly in order to make sense, ตามบริบท เพื่อให้การแปลได้ความ for the movie to make sense to the viewers, right? เพื่อให้ผู้ชมดูหนังรู้เรื่องใช่ไหม But what if it happens during your live simultaneous interpretation? แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฟ้ากำลังล่ามฉับพลันแบบสดๆ อยู่ล่ะ For example, how do you translate jokes on the spot? เช่น เวลาอยู่หน้างานจะแปลมุกตลกอย่างไร [Fah] So, this is funny. [ฟ้า] อันนี้ตลกค่ะ I come across these cases many times when there's a joke or something like that. เจอบ่อยแล้วค่ะ มุกตลกหรืออะไรแบบนั้น Actually, I believe all interpreters, they have the agency to make a decision, จริงๆ ฟ้าเชื่อว่าล่ามทุกคนมีอำนาจอิสระในการตัดสินใจ so they can just say something like, ฉะนั้นเขาก็อาจจะพูดอะไรประมาณว่า “This is a joke, please laugh.” “มุกตลกค่ะ กรุณาหัวเราะด้วย” [Bick] People do that? [บิ๊ก] เขาทำอย่างนั้นกันเหรอ [Fah] Yes, if it's untranslatable. [ฟ้า] ใช่ค่ะ ถ้ามันแปลไม่ได้จริงๆ [Bick] And this is okay to do? [บิ๊ก] แล้วมันไม่เป็นไรเหรอครับ [Fah] It's okay because it's like it's impossible to translate, [ฟ้า] ไม่เป็นไรค่ะ เพราะบางอย่างมันแปลไม่ได้จริงๆ how are you going to translate, right? จะไปแปลอย่างไรดีคะ It doesn't make sense, มันจะไม่ได้ความ so you can just say, “Please laugh.” เพราะงั้นก็แค่พูด “กรุณาหัวเราะ” [Bick] And you couldn't just go silent, you have to say something. [บิ๊ก] จะเงียบไปเฉยๆ ก็ไม่ได้ด้วย ต้องพูดอะไรสักอย่าง [Fah] Yeah, and then the audience can laugh as if they understand. [ฟ้า] ใช่ค่ะ แล้วผู้ชมก็จะขำเหมือนเข้าใจมุกเลย That's one way to do it if it's really untranslatable. อันนั้นหนึ่งวิธีเวลาเจออะไรที่แปลไม่ได้จริงๆ ค่ะ But if it's a joke that you can translate, แต่ถ้าเป็นมุกที่แปลได้ you can change the word a little bit. ก็อาจจะเปลี่ยนคำนิดๆ หน่อยๆ Actually, I have some examples. จริงๆ ฟ้ามีตัวอย่างด้วยค่ะ There's like the one question that you asked, like, มีคำถามหนึ่งที่พี่บิ๊กถามว่า 'Does my brain function differently as a translator or interpreter?' ‘สมองล่ามหรือนักแปลทำงานต่างจากคนทั่วไปหรือไม่’ Like, every time someone says something that sounds challenging to translate, ทุกครั้งเวลาใครพูดอะไรที่ฟังดูยากจะแปล my mind would think of the translation for days. สมองฟ้าจะคิดวนๆ ถึงคำแปลนั้นเป็นวันๆ เลยค่ะ When my friend says something like, “Oh, you've got to work tomorrow?” เวลาเพื่อนฟ้าบอกว่า “พรุ่งนี้ต้องทำงานไหม” ‘ทำงานก็ดี ชีวิตมีค่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์’ and it's here like 3 days, like, how am I going to translate that? มันก็วนอยู่ในหัวฟ้าอย่างนั้น 3 วัน จะแปลอย่างไรดี [Bick] Because that's not just a joke, but puns, [บิ๊ก] เพราะนั่นไม่ใช่มุกตลก แต่เป็นมุกเล่นคำ and that's even trickier, like a play on words. แล้วก็ซับซ้อนกว่าอีก มันคือการเล่นคำ การเล่นคำ ‘Pun’ มันยิ่งยากกว่าอีก Because it's very, very special for each language. เพราะแต่ละภาษามันก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันมากๆ [Fah] That's right. [ฟ้า] ถูกต้องค่ะ So, I came up with this, 'Well, hard work pays off...the debt.' สุดท้ายฟ้าก็ได้คำนี้ ‘งานหนักช่วยจ่าย...หนี้’ So you don't have to say, ค่าน้ำ, Electric Bill or... ไม่จำเป็นต้องพูดถึงค่าน้ำ ค่าไฟ หรือ... Just like the 'debt,' ก็แค่หนี้ or you can just say like, 'Make your life count...' หรือจะพูดประมาณว่า ‘ใช้ชีวิตให้มีความหมาย’ (เล่นคำ) 'Don't forget to count the money in your bank account' or something like that. ‘อย่าลืมนับเงินในบัญชีธนาคารของคุณด้วย’ อะไรประมาณนั้น [Bick] So it's still a pun. [บิ๊ก] เพราะฉะนั้นก็ยังเป็นการเล่นคำอยู่ You're still using a pun, but in your own version, ก็ยังตลกเล่นคำ แต่เป็นรูปแบบของตัวเอง just to kind of keep the overall meaning. แค่พยายามคงใจความรวมๆ ทั้งหมดไว้ [Fah] Right. [ฟ้า] ใช่ค่ะ [Bick] That's super tricky. [บิ๊ก] ยากมากเลยนะ [Fah] But it's fun, right? [ฟ้า] แต่มันก็สนุกนะ ใช่ไหม? Because there's no one right answer. เพราะมันไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว [Bick] It's like trying to solve a puzzle. [บิ๊ก] เหมือนการพยายามแก้ปริศนาเลย It's like a game for your brain. เป็นเกมฝึกสมอง [Fah] You're right, [ฟ้า] ใช่ค่ะ and when you can do that, แล้วเวลาที่แปลได้นะ you feel proud of yourself. คุณก็จะรู้สึกภูมิใจในตัวเอง [Bick] Super. [บิ๊ก] สุดๆ [Fah] Like, 'Wow, I can think of it, like, wow.' [ฟ้า] แบบ “ว้าว! นี่ฉันคิดอันนี้ได้เหรอเนี่ย ว้าว!” [Bick] I totally get you. [บิ๊ก] เข้าใจมากๆ เลย I know that it might sound super nerdy right now, ผมรู้ว่าตอนนี้อาจจะฟังดูเนิร์ดสุดๆ but I do get what you mean. แต่ผมเข้าใจสิ่งที่คุณพยายามจะสื่อ [Fah] Yeah, something like that. [ฟ้า] ใช่ค่ะ อะไรแบบนั้น Because if it's something straightforward, เพราะถ้าอะไรมันตรงไปตรงมา we don't have to discuss or think about anything, right? ก็ไม่มีอะไรต้องคุย ต้องคิด [Bick] Well, speaking of something very cultural, [บิ๊ก] พูดถึงอะไรที่ผูกโยงกับวัฒนธรรมมากๆ of course, besides jokes and puns, แน่นอนว่านอกจากมุกตลกหรือมุกเล่นคำ there are slangs, like trending slangs that people use, เรายังมีศัพท์สแลงในกระแสที่คนชอบใช้ด้วย and they keep changing over time. ซึ่งเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา So, let's play a little game. มาเล่นเกมกันสักหน่อยดีกว่า I think this might add to your challenge list. ผมว่าอันนี้น่าจะเพิ่มไปในรายการความท้าทายของคุณได้ [Fah] Let's play it together. [ฟ้า] มาเล่นด้วยกันนะคะ [Bick] All right, so maybe you have something for me from your work. [บิ๊ก] เอาละ คุณฟ้าอาจจะมีคำตอบให้ผมบ้างจากงาน Translate these following cool slangs. จงแปลสแลงจ๊าบๆ ต่อไปนี้ Actually, 'จ๊าบ' is so dated. เอาจริงๆ ‘จ๊าบ’ ก็เก่ามากเลยนะ [Fah] It doesn't sound bad. [ฟ้า] ก็ฟังดูไม่แย่นะคะ [Bick] No, ‘rad’ is not ‘rad’ anymore. [บิ๊ก] ไม่นะ จ๊าบไม่จ๊าบแล้วอะ เกิดทันกันไหม จ๊าบ [Fah] I know that. [ฟ้า] ทันค่ะๆ [Bick] All right so… [บิ๊ก] เอาละ ‘ตัวตึง’ ‘เราจะสู้ไหวไหมอะ ทางโน้นเขาส่งตัวตึงมาเลยนะ' Go. [Fah] ตัวตึง Well, if it's a mother, you can say 'queen,' ถ้าเป็นผู้หญิง อาจจะใช้คำว่า ‘ควีน’ 'slay,' ‘จึ้ง’ she's like the badass, นางตัวตึงมาก the goddess. ตัวแม่ [Bick] A lot of potential that you can use. [บิ๊ก] ได้หลายคำเลยเนอะ So, the thing is, maybe you might have to wait a little bit for the context ประเด็นคือเราอาจจะต้องรอฟังบริบทสักหน่อย before you start your interpretation, right? ก่อนจะเริ่มล่ามใช่ไหมครับ [Fah] That's true. [ฟ้า] ถูกต้องค่ะ [Bick] Like you said before, sometimes you have to wait a little, [บิ๊ก] แบบที่ฟ้าบอก บางครั้งเราก็ต้องรอสักหน่อย [Fah] That's right. [ฟ้า] ใช่ค่ะ To understand what the message being conveyed is about. เพื่อทำความเข้าใจว่าใจความที่กำลังถูกสื่อเกี่ยวกับอะไร Actually, when people say, “Content is King,” จริงๆ เวลาคนบอกว่า “คอนเทนต์คือพระราชา” but then, “Context is God.” แต่ “บริบทคือพระเจ้า” ค่ะ [Bick] You have to know what they're talking about first. [บิ๊ก] ต้องรู้ก่อนว่าเขากำลังพูดถึงอะไร So, did this happen to you, like, you're in a hurry and you just go so fast with your translation, เคยเกิดเหตุการณ์ ฟ้ารีบๆ แล้วแปลไวเกินไป and then you're like, “Oh, that wasn't it,” แล้วเพิ่งมารู้ตัวว่า “โอ้ ไม่ใช่นี่นา” and then you back out a little bit and then you redo it again? แล้วก็ต้องกลับไปแปลใหม่อีกรอบ [Fah] Yeah, I would do that sometimes [ฟ้า] ค่ะ ก็มีบ้าง if it's wrong or if I didn't understand the context first, but the translation went out already, ถ้ามันผิด แล้วตอนแรกฟ้าไม่เข้าใจบริบท แต่แปลไปแล้ว so I would have to say it again, ก็ต้องพูดใหม่ repeat the meaning, or something like that. ย้ำความหมายอีกรอบ อะไรแบบนั้น [Bick] So, ตัวตึงนะครับ ได้หลายคำเลยนะครับ Let's do this one. อันนี้บ้าง ‘ขิต’ “นี่ยังจะให้ทำเพิ่มอีกเหรอเนี่ย แค่นี้ก็จะขิตแล้วจ้า” Go. ไปครับ [Fah] “I'm literally dying.” [ฟ้า] “จะตายของจริงแล้ว!” Or “I'm digging myself a hole.” หรือ “ฉันกำลังขุดหลุมฝังตัวเอง” Or “Oh my gosh, are you killing me?” หรือ “โอ้ แม่เจ้า ฆ่ากันปะเนี่ย” “Oh my gosh, this is too much.” “โอ๊ยคุณพี่ เกินไปแล้วค่ะ” [Bick] ขิต Means ตาย นั่นแหละเนอะ มันคือแบบ...ตาย [Fah] Too much to handle. Do it by yourself. Bye. [ฟ้า] เกินใจจะรับไหว ทำเองเถอะค่ะ บาย [Bick] We can use so many words to convey 'die' or 'death,' right? [บิ๊ก] เราใช้ได้หลายคำมากเพื่อสื่อความหมาย ‘ตาย’ All right, let's do this. เอาละ ลองอันนี้กัน ‘บ้ง’ “หัวหน้าคนใหม่บ้งไม่ไหว” เป็นหัวหน้าได้อย่างไรเนี่ย [Fah] ‘บ้ง,’ right? I would say something like… ฟ้าอาจจะบอกว่า... คือมันต้องแปลไทยเป็นไทยก่อนแล้วค่อย... [Fah] Yeah, because 'บ้ง' is like, so not okay, right? [ฟ้า] ใช่ค่ะ เพราะ ‘บ้ง’ คือไม่ค่อยโอเคใช่ไหม Can I say a bad word? พูดคำหยาบได้ไหมคะ [Bick] Well, let's see. [บิ๊ก] ลองดูครับ [Fah] Like, a piece of (shit) something [ฟ้า] แบบ ‘ไอ้ขี้กาก’ Or... หรือว่า... [Bick] Crappy? [บิ๊ก] ห่วยเหรอ [Fah] But it doesn't sound so บ้ง, right? Crappy. [ฟ้า] แต่มันฟังดูไม่ค่อย ‘บ้ง’ นะ ‘แครปปี้’ [Bick] So, in your mind, how do you work out the process? [บิ๊ก] ในหัวคุณทำงานอย่างไรครับ When you hear the word 'บ้ง,' right, your step one is what? เวลาได้ยินคำว่า ‘บ้ง’ ทำอะไรเป็นอย่างแรก Translate 'บ้ง' into Thai first? แปล ‘บ้ง’ เป็นไทยเหรอครับ [Fah] Normal Thai, yeah. [ฟ้า] ภาษาไทยปกติก่อน ใช่ Like, not good. แบบว่า...ไม่ดี [Bick] But do you then have to find the level of the word? [บิ๊ก] ต่อไปก็ต้องหาคำที่ระดับใกล้กันใช่ไหม [Fah] Yeah, the closest equivalent to บ้ง. [ฟ้า] ใช่ค่ะ คำที่ใกล้เคียงเทียบเท่ากับ ‘บ้ง’ มากที่สุด Like, บ้ง in what way? Lame? Stupid? แบบ 'บ้ง' ในแง่ไหน เห่ย ทึ่ม [Bick] Oh, 'lame' could be a good way. [บิ๊ก] โอ้ ‘เห่ย’ ก็ดีนะ [Fah] Yeah, but I don't know if the 'บ้ง' here is like 'lame' or not. [ฟ้า] ใช่ค่ะ แต่ฟ้าก็ไม่รู้ว่า ‘บ้ง’ ในที่นี้คือ ‘เห่ย’ หรือเปล่า Right? So, บ้ง in what way? แบบ ‘บ้ง’ ในแง่ไหน But if I have to choose, I might say 'a piece of (shit)' แต่ถ้าต้องเลือก ฟ้าอาจจะเลือก ‘ไอ้ขี้กาก’ It's like rude or something like that. มันหยาบหรืออะไรแบบนั้นค่ะ [Bick] So, in your mind, 'บ้ง' is pretty harsh. [บิ๊ก] ฉะนั้นในหัวคุณฟ้า ‘บ้ง’ ค่อนข้างแรง [Fah] Yes. [ฟ้า] ใช่ค่ะ [Bick] See, to me, 'บ้ง' could be not so harsh. [บิ๊ก] เห็นไหม คือสำหรับผม ‘บ้ง’ อาจจะไม่ได้แรงขนาดนั้น บ้ง could be like 'sucky' or 'lame.' อาจจะเป็น ‘ห่วย’ หรือ ‘เห่ย I would say 'lame' for 'บ้ง.' ผมอาจจะแปล ‘บ้ง’ ว่า ‘เลม’ (เห่ย) [Fah] I feel like when someone complains about a boss, it's not light. [ฟ้า] ฟ้ารู้สึกว่าเวลาคนบ่นเจ้านายมันไม่เบาค่ะ Maybe for my interpretation, อาจจะเป็นแค่การตีความของฟ้า but there's no right answer, right? แต่ก็ไม่มีคำตอบตายตัวเนอะ [Bick] How about 'อ่อม'? [บิ๊ก] แล้ว ‘อ่อม’ ล่ะครับ [Fah] อ่อม อ่อมอะไรดี [Bick] ยกตัวอย่างประโยคอย่างไรดี อ่อม... [Fah] Like, your face is so อ่อม? [ฟ้า] หน้าอ่อมมากเหรอคะ [Bick] Or I've heard people use it like “The music was dope, but the MV was dull.” [บิ๊ก] ผมได้ยินคนใช้แบบ “โห เพลงดี แต่ MV อ่อมมาก” นึกออกไหม คือแบบอ่อมอะ [Fah] Like, it's so plain. [ฟ้า] แบบว่าจืดมาก [Fah] It's so not cool. That's a one. [Bick] Not powerful enough. [ฟ้า] ไม่เท่ ให้ 1 คะแนน [บิ๊ก] ไม่แรงพอ [Bick] Could have been better. [บิ๊ก] น่าจะดีกว่านี้ได้ [Fah] Do you have a charger with you? You should charge yourself or boost yourself up. [ฟ้า] มีสายชาร์จไหม ชาร์จแบตตัวเองสักหน่อยดีกว่า [Bick] Energy. Energy. Boost!. Boost!. [บิ๊ก] เอเนอร์จี้ เอเนอร์จี้ บูสต์! บูสต์! [Fah] Something like that. [ฟ้า] อะไรแบบนั้น Like, “Lady, wake up! Wake up!” แบบ “ชะนี ตื่นๆ” It can mean like, 'Don’t be dull.' อาจจะหมายถึง ‘อย่าอ่อม’ [Bick] How about this one [บิ๊ก] อันนี้ล่ะครับ ‘หวานเจี๊ยบ’? [Fah] Can you tell me the meaning of หวานเจี๊ยบ? [ฟ้า] อธิบายความหมายของ ‘หวานเจี๊ยบ’ ให้ฟังได้ไหมคะ From my experience, it's like when you try to… จากประสบการณ์ของผม เหมือนเวลาเราพยายาม... [Fah] Kiss ass? [ฟ้า] ประจบเหรอ [Bick] Kiss ass, yeah. [บิ๊ก] ประจบ ใช่ And you try to say all good things. แล้วเราก็พยายามพูดแต่สิ่งดีๆ [Fah] So it's like หวานเจี๊ยบ, like kissing ass. [ฟ้า] ถ้าอย่างนั้นหวานเจี๊ยบก็เหมือนประจบ / เลีย It can be like, “Oh my God, you're so sweet, I'm so flattered, oh my gosh,” อาจเป็น “โอ้ น่ารักมาก เขิน” or it’s just like, “Are you sugarcoating me? I believe you.” “Who knows?” “I know.” หรือ “นี่อวยกันปะเนี่ย เชื่อนะคะ” Or something like that, I don't know. ประมาณนั้น ฟ้าก็ไม่รู้แฮะ But it's like you’ve set the joke perfectly right for me, แต่มันก็เหมือนชงมาหวานเจี๊ยบ It's just like “Dope, she ate and left no crumbs,” อาจจะแบบ “ว้าว นางทำถึง ปังสุดจริงๆ' something like that. ประมาณนั้น [Bick] See, you have to know all the slangs in both languages in order to find the right match. [บิ๊ก] เห็นไหม ต้องรู้สแลงทั้งสองภาษา เพื่อหาคำที่ใช่ให้ได้ [Fah] There's like one job that the speaker says the name of the soap opera called 'The Love Betrayal Game.' [ฟ้า] มีงานหนึ่งที่ผู้บรรยายเขาพูดถึงชื่อละคร ‘เกมรักทรยศ’ And then you have to know that it's a soap opera, not a TV show, not a game show. คุณก็ต้องรู้ว่ามันคือละคร ไม่ใช่ซีรีส์หรือเกมโชว์ Some people would translate, 'Love Game, that must be a game show,' บางคนเห็น ‘เกมรัก’ ก็อาจแปลว่ามันเป็นเกมโชว์ so you need to know. ฉะนั้นจำเป็นต้องรู้ค่ะ [Bick] ความรู้รอบตัวเนอะ [Fah] Yeah, that's right. You never know who's going to tell what kind of joke. [ฟ้า] ใช่ค่ะ ไม่มีทางรู้เลยว่าใครจะเล่นมุกอะไร [Bick] That is true. [บิ๊ก] จริงด้วย [Fah] And it happened, like my buddy at that time, he didn't watch a lot of soap operas, [ฟ้า] แล้วก็เกิดขึ้นจริง คู่ล่ามฟ้าตอนนั้นเขาไม่ได้ดูละครเยอะ so he thought it was a game show. เขาก็คิดว่าเขาพูดถึงเกมโชว์ [Bick] So he didn't know. [บิ๊ก] ก็คือเขาไม่รู้ [Fah] Yeah, but what I did was, [ฟ้า] ใช่ แต่สิ่งที่ฟ้าทำคือ I wrote it down on my Post-It and handed it over to him, เขียนลงในโพสต์อิท แล้วก็ส่งให้เขา so he was just like, 'It's a soap opera.' เขาก็แบบ “เป็นละครเหรอเนี่ย” [Bick] Well, you need to keep up. [บิ๊ก] ต้องรู้เท่าทัน I mean, with every single piece of information, กับข้อมูลทุกแขนง like, you need your cultural knowledge. ต้องมีความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม [Fah] But it's fun, right? [ฟ้า] แต่มันก็สนุกดี [Bick] Entertainment knowledge, yeah, it's fun. [บิ๊ก] ความรู้วงการบันเทิง ใช่ครับ ก็สนุกดี [Fah] Like, everything becomes relevant. [ฟ้า] กลายเป็นว่าทุกอย่างสำคัญทั้งหมด [Bick] That's true. [บิ๊ก] จริงด้วย Because, like you said, you never know when you'll need it. เพราะอย่างที่ฟ้าบอก คุณไม่รู้เลยว่าเมื่อไรที่ต้องใช้ All right, for the last one, this is totally new for me too. เอาละ สำหรับคำสุดท้าย ใหม่สำหรับผมสุดๆ เหมือนกัน ‘เอาให้โฮ่ง’ [Fah] I don't know what it… [ฟ้า] ฟ้าไม่รู้ว่ามัน... โฮ่ง Like หมาเห่าโฮ่งๆ เหรอ [Bick] Yeah, exactly. [บิ๊ก] ใช่เลย I just knew about this this morning. ผมเพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เลย I was like, “What!?” แบบว่า “อะไรนะ!” โฮ่งคืออะไร [Fah] เอาให้โฮ่ง just like… [ฟ้า] เอาให้โฮ่ง แบบ... [Bick] เดาสิๆ Can you guess? เดาได้ไหม [Fah] Just slay and make everyone bark, like that? [ฟ้า] ปังมากจนทุกคนเห่าโฮ่งๆ เหรอ [Bick] Kind of. [บิ๊ก] ได้อยู่นะ [Fah] เหมือนให้หมาเห่าหอน มันโฮ่งไปเลย อะไรอย่างนี้เหรอ [Bick] So it would suggest what? [บิ๊ก] ฉะนั้นมันสื่อถึงอะไร เอาให้โฮ่ง [Fah] “You go, girl!” I don't know. [ฟ้า] “ลุยค่ะเพื่อนสาว” ไม่รู้สิ [Bick] Could be, yeah, possibly. [บิ๊ก] เป็นไปได้ครับ So, it's like “พรีเซนต์บ่ายนี้เอาให้โฮ่ง.” แบบว่า “Go slay that afternoon presentation, girl!” Something like that? ประมาณนี้ปะ This is how you use it? ใช้แบบนี้เหรอ [Fah] Kill it, ace it, or left no crumbs. [ฟ้า] จึ้ง เก็บหมด กวาดเรียบ Wow, it's so hard. ว้าว ยากมากเลย [Bick] Still, there's a lot that we have to learn, [บิ๊ก] อย่างไรก็ตาม มีอีกหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้ and the thing is, I think you cannot stop learning. ประเด็นคือ ผมคิดว่าคุณหยุดเรียนรู้ไม่ได้ That's the most important part of doing your job well as an interpreter. เป็นสิ่งที่สำคัญในการทำงานล่ามให้ดี [Fah] Like when you ask, “What does it take to be a good interpreter?” [ฟ้า] เหมือนเวลาที่พี่ถามว่า “คุณสมบัติของการเป็นล่ามที่ดีคืออะไร” I think it's curiosity, ฟ้าว่ามันคือความอยากรู้อยากเห็น because if you're curious about things, เพราะหากคุณอยากรู้เกี่ยวกับอะไร you're going to keep learning and wanting to know more. คุณจะเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ และอยากเรียนรู้มากขึ้นตลอด For example, there's a job that I have to translate the words ยกตัวอย่างเช่น งานหนึ่งฟ้าต้องแปลคำว่า 'cardiac arrest' versus 'heart attack.' ‘หัวใจหยุดเต้น’ กับ ‘หัวใจวาย’ For Thai people, they might be familiar with the word 'หัวใจวาย,' คนไทยอาจจะคุ้นกับคำว่า ‘หัวใจวาย’ but then for 'cardiac arrest,' it's 'หัวใจหยุดเต้น.' แต่ ‘Cardiac Arrest’ มันคือ ‘หัวใจหยุดเต้น’ So, some interpreters might stop there, “Okay, หัวใจวาย and หัวใจหยุดเต้น,” ล่ามบางคนอาจจะหยุดแค่ “โอเค หัวใจวาย หัวใจหยุดเต้น” but a good interpreter has to be curious. แต่ล่ามที่ดีจะต้องสงสัยต่อ Like, you're not a doctor, but you want to know, ไม่ใช่หมอ แต่อยากรู้ What are the causes? What are the symptoms? สาเหตุคืออะไร อาการเป็นอย่างไร And you do your research in case the speaker talks about the symptoms, ถ้าทำการบ้านมา เวลาผู้บรรยายพูดถึงกลุ่มอาการ if he talks about 'กล้ามเนื้อหัวใจ,' you need to know it's 'heart muscle.' ถ้าเขาพูดถึง ‘กล้ามเนื้อหัวใจ’ ก็ต้องรู้ว่า ‘Heart Muscle’ If it's like 'อุดตัน,' you need to know it's 'clogged,' it's 'blocked,' or something like that. ถ้าพูดถึงคำว่า ‘อุดตัน’ ก็ต้องรู้จักคำว่า ‘Clog’ หรือ ‘Block’ So, when you look up the words, เวลาที่ค้นหาคำศัพท์ not only the direct translation, ไม่ใช่แค่คำแปลตรงตัว but you have to know more about that. แต่ต้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ได้ [Bick] Just don't let it end there, [บิ๊ก] อย่าปล่อยให้มันจบแค่ตรงนั้น just keep asking questions, ถามคำถามต่อ keep your curiosity flowing. ปล่อยให้ความอยากรู้นำพาไป That is such a good point, เป็นประเด็นที่ดีมากเลยครับ and I can totally see that would make a good translator, a great interpreter. เห็นเลยว่ามันจะทำให้นักแปลที่ดี กลายเป็นล่ามที่ยอดเยี่ยมได้ [Fah] Because normally, for a job that requires interpretation, เพราะปกติแล้วงานที่ต้องการล่าม you have to interpret brilliant minds, right? หมายถึงเราก็มักจะต้องไปล่ามให้คนเก่งๆ ฉลาดๆ These people, they're full of expertise, experience, คนเหล่านี้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์โชกโชนมาก and you have to kind of understand what they're saying in order to convey the meaning. แล้วคุณก็ต้องเข้าใจว่าเขาพูดอะไร เพื่อสื่อออกไปให้ได้ [Bick] Because you're already the less knowledgeable person in that room, in that science. [บิ๊ก] เพราะคุณเป็นคนที่รู้น้อยกว่าในศาสตร์นั้นๆ [Fah] That's true. [ฟ้า] เป็นเรื่องจริงค่ะ I'm not a doctor, I'm not a surgeon, ฟ้าไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ศัลยแพทย์ but I'm translating a surgeon or something like that. แต่ต้องมาแปลความให้ศัลยแพทย์อะไรแบบนั้น But it is fun to learn. แต่ก็สนุกที่ได้เรียนรู้ค่ะ [Bick] Such a good point. [บิ๊ก] เป็นประเด็นที่ดีมาก So, another hard question is ถ้าอย่างนั้นคำถามยากๆ อีกข้อก็คือ when you have to do the interpretation for a hard subject or a sensitive subject, เวลาต้องล่ามประเด็นยากๆ หรืออ่อนไหว would you have to translate something hurtful คุณฟ้าจะแปลอะไรที่กระเทือนจิตใจ or something that you know for sure that would hurt the speaker themselves? หรือแปลอะไรที่คุณรู้แน่ๆ ว่า จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวผู้บรรยายไหม You would still have to do it, right? ก็คงต้องทำอยู่ดีใช่ไหมครับ [Bick] I mean technically? [Fah] Ideally. [บิ๊ก] ผมหมายถึงตามหลักการน่ะ [ฟ้า] ดีที่สุดก็ใช่ค่ะ [Fah] Technically, ideally. [ฟ้า] ตามหลักการ ในอุดมคติ So, I would say there are 2 answers, ฟ้าว่ามี 2 คำตอบ 2 approaches to that kind of challenge. มี 2 วิธีรับมือปัญหานี้ค่ะ The first one is you translate everything, อย่างแรกก็คือแปลทุกอย่างไป it's like the code of ethics or like that's what a translator or an interpreter is for. เป็นเหมือนหลักจรรยาบรรณของนักแปลหรือล่าม You translate the whole thing. คุณแปลทั้งหมดทุกอย่าง But if your client knocks on your door and says, “Please tone down the speech แต่ถ้าลูกค้ามาเคาะประตูขอว่า “เบาๆ นิดหนึ่งนะคะ because it's too much, it's not as we expected,” เพราะมันแรงเกิน ผิดคาดไปหน่อยค่ะ” or “Please don't make the content offensive.” หรือ “อย่าแปลให้ส่อเสียดหรือรุนแรงนะคะ” [Bick] Oh, because sometimes you didn't expect this. [บิ๊ก] โอ้ เพราะบางทีคุณก็ไม่ได้คาดไว้เหมือนกัน [Fah] No. [ฟ้า] ไม่ค่ะ [Bick] Things got heated up at the moment, I mean. [บิ๊ก] เรื่องมันเดือดขึ้นมาในชั่วขณะนั้น [Fah] So, I'm talking about an example in a conference scenario, [ฟ้า] ฟ้าหมายถึงบริบท เช่น ห้องประชุม like a meeting, a workshop giving knowledge and empowerment, that kind of situation. ที่ประชุม หรือเวิร์กช็อปให้ความรู้นะคะ But if you're translating or interpreting for a negotiation setting or a debate or an argument, แต่ถ้าต้องแปลหรือล่าม การเจรจาหรือการโต้เถียงบางอย่าง then you would have to look at the purpose. ล่ามต้องดูวัตถุประสงค์ให้ดีค่ะ Like, if you have to translate because that's the purpose, เช่น หากคุณต้องแปลเพราะมันเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้ they want to make the other person angry, then you have to do it. ลูกค้าอยากให้อีกฝ่ายรู้สึกโกรธ คุณก็ต้องแปล [Bick] And you might have to take the heat for that? [บิ๊ก] แล้วคุณก็ต้องตกเป็นเป้าน่ะสิ I imagine that, of course, it's the other person talking ผมจินตนาการภาพว่า ใช่แล้ว อีกคนเป็นคนพูด that you speak in the language that they understand, แต่คุณเป็นคนพูดภาษาที่อีกฝ่ายจะเข้าใจ so do you take the heat for that too, do you think? คุณก็เป็นคนต้องรับมือกับอารมณ์ตรงนั้นด้วยเหมือนกัน ว่าไหม? [Fah] I feel offended. [ฟ้า] ฟ้าก็รู้สึกขุ่นเคือง I feel I take the heat of the audience sometimes. รู้สึกว่าบางครั้งตัวเองก็ต้องรับมือกับถ้อยคำของผู้ฟังเหมือนกัน I feel like… รู้สึกเหมือน... I would have to admit this, other interpreters, they might not take this approach, ฟ้าขอยอมรับค่ะ ล่ามคนอื่นอาจจะไม่ใช้วิธีนี้นะ but normally when I translate something or when I translate your speech, แต่ปกติเวลาฟ้าแปลอะไร เช่น สมมติฟ้าแปลคำพูดพี่ when you say “ผม,” I say “I,” even though it's not me. เวลาพี่พูด “ผม” ฟ้าก็จะบอก ‘ผม’ แม้นั่นจะไม่ใช่ตัวฟ้าเอง There's like one time that person is so offensive, so I say 'he.' แต่มีครั้งหนึ่งที่คนคนนั้นเขาก้าวร้าวมาก ฟ้าก็พูดว่า ‘เขา’ เลย [Bick] That's a good technique, just steer it away from you. [บิ๊ก] เป็นเทคนิคที่ดี ก็แค่เลี่ยงมันออกไปจากตัวเอง [Fah] Yeah, but different people have different opinions or perspectives [ฟ้า] ใช่ค่ะ แต่ว่าแต่ละคนก็มีความเห็นและมุมมองที่ต่างกัน or approaches or codes of conduct or ethics. รวมถึงวิธีการและหลักปฏิบัติด้วย But for me, at that time, that was what I could do best แต่สำหรับฟ้า ณ ตอนนั้นนั่นคือสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด because the client gave me the authority to tone down. เพราะลูกค้าให้อำนาจฟ้าในการลดความเข้มข้นลง [Bick] So, you have to make sure that people get the message [บิ๊ก] ฉะนั้นคุณก็ต้องทำเพื่อให้มั่นใจว่าคนฟังเข้าใจข้อความ or at least understand the situation. หรืออย่างน้อยก็เข้าใจสถานการณ์ This is not me speaking. นี่ไม่ใช่คำพูดของฉัน This is him or this is her. เป็นของเขาหรือเธอต่างหาก This is how you survive, huh? เป็นวิธีเอาตัวรอดสินะ [Fah] I'm not sure if I will survive after this, [ฟ้า] ฟ้าก็ไม่แน่ใจว่าจะรอดไหมนะคะหลังจากนี้ but you can see that there's some controversy or it's not conclusive, right? แต่พี่ก็น่าจะเห็นว่ามันยังเป็นที่ถกเถียงและยังไม่มีข้อสรุปเนอะ But actually, this kind of job makes you more open-minded, more flexible, more resilient, แต่จริงๆ งานล่ามทำให้เราใจเปิดกว้าง ยืดหยุ่น และปรับตัวเก่ง and like you have to think on your feet. งานมันบังคับให้ต้องคิดด้นสดตลอด [Bick] So, I'm someone who always believes in learning from mistakes and failures [บิ๊ก] ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อในการเรียนรู้จากความผิดพลาดเสมอ because it would teach you a whole lot. เพราะมันสอนอะไรเราได้เยอะมาก So, would you be willing to share some of your failing moments คุณฟ้าอยากแบ่งปันเรื่องราวช่วงเวลาล้มเหลว or times that you have to struggle for your life so much during the job, ให้ช่วงเวลาที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดหน้างานบ้างไหมครับ and how it turned out? แล้วสุดท้ายผลออกมาเป็นอย่างไร [Fah] Okay, I will share with you. [ฟ้า] โอเคค่ะ ฟ้าจะเล่าให้ฟังนะ As a language lover, I think a lot of people know that I hate math. ในฐานะเด็กรักภาษา ฟ้าว่าหลายคนรู้ว่าฟ้าเกลียดคณิต I don't like numbers, the thought of numbers actually scares me already. ไม่ชอบตัวเลขเลย แค่คิดก็กลัวแล้ว So, when I have to translate or convert numbers, เพราะฉะนั้นเวลาฟ้าต้องแปลหรือแปลงตัวเลข let's say it's Buddhist Era and then to CE (Common Era), เช่น แปลง พ.ศ. เป็น ค.ศ. what do you do? ปกติพี่ทำอย่างไร How are you going to convert the number simultaneously? เราจะแปลงตัวเลขทันทีทันใดได้อย่างไร The first time I pull out my calculator on the phone and then just like '-543,' ครั้งแรกฟ้าก็เปิดเครื่องคิดเลขในโทรศัพท์ -543 but it's too slow. แต่มันไม่ทันกินค่ะ What if there are many years? แล้วถ้าเกิดต้องแปลงหลายปีล่ะ So, I have this. ฉะนั้นฟ้าก็เลยมีสิ่งนี้ I will show you. ขออนุญาตโชว์ [Bick] มีพร็อพ [Fah] I would say, this is my interpretation Bible. [ฟ้า] เรียกได้ว่านี่เป็นคัมภีร์การล่ามของฟ้าเลย I print out this. ฟ้าถ่ายเอกสารสิ่งนี้ [Bick] Oh, you got your cheat sheets. [บิ๊ก] โอ้ มีโพยด้วย [Fah] Right, I would just have to put it on my desk, and I could see it right away. [ฟ้า] ใช่ค่ะ ก็แค่วางไว้บนโต๊ะ ก็เหลือบไปมองได้ทันที It's Buddhist Era and Common Era, มี พ.ศ. แล้วก็ ค.ศ. and I can share with my partner as well, I have two, แถมแบ่งให้คู่ล่ามตัวเองได้ด้วย ฟ้ามีสองชุด so this helps a lot. สิ่งนี้ช่วยได้มากๆ You don't have to use your calculator, ไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลขอีกต่อไป and you can do it instantly. ก็แปลงเลขได้โดยทันที [Bick] Have it ready. [บิ๊ก] เตรียมไว้ให้พร้อม [Fah] And also for numbers when it's like hundred thousands, ten thousands, millions, or billions, [ฟ้า] แล้วก็พวกหลักตัวเลข เช่น แสน หมื่น ล้าน พันล้าน just the thought of it scares me. แค่คิดก็ปวดหัวแล้วค่ะ So, I printed this out in case that day I froze. เพราะฉะนั้นฟ้าก็ถ่ายเอกสารอันนี้ไว้ เผื่อวันหนึ่งช็อตไมค์ขึ้นมา It's like, you know it, a hundred thousand, you know it, แบบว่าจริงๆ เราก็รู้ พูดได้อยู่แล้วหนึ่งแสน but maybe if you're really under stress and then you just freeze, แต่บางทีเวลากดดัน แล้วเราช็อต this could help, the conversion table. ตารางแปลงเลขพวกนี้ช่วยได้ค่ะ Because sometimes in English when you say 'one thousand five hundred,' เพราะบางครั้งในภาษาอังกฤษเราเรียก ‘หนึ่งพันห้าร้อย’ you can say 'fifteen hundred.' เป็น ‘สิบห้าร้อย’ ได้เหมือนกัน So you cannot say 'สิบห้าร้อย.' แต่ในภาษาไทยเราเรียก ‘สิบห้าร้อย’ ไม่ได้ Another thing I do is I write it down. อีกวิธีที่ฟ้าทำก็คือเขียน When I hear the number, I would write it down, เวลาได้ยินเลข ก็เขียนลงไปก่อน and then I just translate from what I see. แล้วก็แปลจากสิ่งที่มองเห็น If it's like 'fifteen hundred', ถ้าได้ยินภาษาอังกฤษ ‘สิบห้าร้อย’ I'm like 'one, five, zero, zero', and then I can say 'one thousand five hundred.' ก็จะเขียน ‘หนึ่งห้าศูนย์ศูนย์’ แล้วค่อยพูด ‘หนึ่งพันห้าร้อย’ ออกมา [Bick] So you write along. [บิ๊ก] ก็คือฟ้าเขียนไปด้วย [Fah] Yeah, I have to write if it's a number. [ฟ้า] ใช่ค่ะ ต้องเขียนถ้าเป็นตัวเลข And also abbreviations. แล้วก็ตัวย่อ [Bick] That's also super tricky. [บิ๊ก] นั่นก็ยุ่งยากมากเหมือนกัน [Fah] Everyone is sighing. [ฟ้า] ถอนหายใจกันทั้งห้องเลยนะคะ [Bick] Did you ever make any mistakes? [บิ๊ก] ฟ้าเคยทำผิดไหม [Fah] It's not a mistake, but it's like I don't know. [ฟ้า] ไม่เชิงผิดค่ะ แต่เหมือนฟ้าไม่รู้ [Bick] So what did you do? [บิ๊ก] แล้วทำไงครับ [Fah] Google. [ฟ้า] เสิร์ชกูเกิล Google up right away. เสิร์ชกูเกิลทันที So when you do simultaneous interpreting, it's not just like listening and speaking. ฉะนั้นเวลาล่ามฉับพลัน ก็ไม่ใช่แค่ฟังๆ และพูดไปอย่างเดียว You're very multitasking. ต้องทำหลายอย่างพร้อมกัน You have to look it up while you listen and interpret at the same time. ต้องค้นหาศัพท์ตอนฟังและล่ามไปพร้อมๆ กัน You have to look up that abbreviation ต้องค้นหาคำย่อ because if you don't know the abbreviation, เพราะถ้าคุณไม่รู้จักคำย่อตัวนั้น how can you translate it into another language abbreviation, right? จะไปแปลเป็นอีกภาษาได้อย่างไร จริงไหมคะ [Bick] And you have to do it fast. [บิ๊ก] แล้วก็ต้องไวด้วย [Fah] That's right. [ฟ้า] ใช่ค่ะ [Bick] So, that's the case if you didn't have any preparation or material beforehand, right? [บิ๊ก] ฉะนั้นก็ต้องทำหน้างานถ้าไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า So, you have to do it right then and there. ต้องทำตรงนั้น เดี๋ยวนั้นเลย [Fah] Or even if the speaker just wants to mention some abbreviation, [ฟ้า] หรือแม้กระทั่งจู่ๆ ผู้บรรยายเกิดอยากพูดคำย่อขึ้นมา even if it's not in the reference materials. โดยที่มันไม่ได้อยู่ในเอกสารอ้างอิง If you know it, you're good to go, but if you don’t… ถ้าคุณรู้ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าคุณไม่รู้ล่ะ [Bick] He could go on a tangent and talk about something else, and then, [บิ๊ก] ผู้บรรยายอาจจะออกนอกเรื่อง ไปพูดเรื่องอื่น แล้วก็ 'Well, this is not what we've been briefed for.' ‘เฮ้ย นี่ไม่ได้อยู่ในบรีฟนี่นา’ You have to be prepared. เราก็ต้องเตรียมพร้อม [Fah] You have to be prepared, and you have to Google things fast. [ฟ้า] ต้องเตรียมพร้อม ต้องกูเกิลให้ไว [Bick] Use all the tools that you can to help you. [บิ๊ก] ใช้ทุกเครื่องมือที่จะช่วยคุณได้ [Fah] And actually, abbreviation doesn't end there. [ฟ้า] แล้วเอาจริงๆ คำย่อก็ไม่จบแค่นั้นนะคะ For example, if you talk about WHO, เช่น ถ้ามีคนพูดถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) you have to know that it's WHO. คุณก็ต้องรู้ว่ามันอ่านว่า ‘ดับบลิวเอ็ชโอ’ You cannot say it 'Who', จะอ่านว่า ‘ฮู’ ไม่ได้ that's going to be wrong. ผิดเต็มๆ So, you have to be able to distinguish between acronym and initialism. ต้องแยกให้ออกว่าคำไหน เป็นคำย่อที่อ่านรวบ อันไหนอ่านแยก That comes from preparation and asking why ซึ่งจะเป็นผลจากการเตรียมตัวและถามคำถามว่าทำไม or how or what do I say? หรือพูดอย่างไร How do you pronounce this? Everything. คำนี้อ่านอย่างไร ทุกอย่างเลย [Bick] Like we don’t say 'N-A-S-A' but 'NASA'. [บิ๊ก] เช่น เราไม่อ่าน ‘เอ็น-เอ-เอส-เอ’ แต่อ่าน ‘นาซ่า’ You have to know how people use the word or pronounce it. ต้องรู้ว่าปกติเขาใช้หรือออกเสียงคำนั้นๆ อย่างไร [Fah] Like, if someone translates for you like 'อย.' and then they say 'อา-โยะ', [ฟ้า] ถ้าใครแปลภาษาไทยให้คุณ จาก ‘อย.’ เป็น ‘อา-โยะ’ you're going to be like 'What?' คุณก็จะแบบ ‘อะไรนะ’ [Bick] That's super off. [บิ๊ก] คนละโยชน์เลย [Fah] Yeah, you cannot say 'F-BI'. [ฟ้า] ใช่ค่ะ พูด ‘ฟา-บิ’ ไม่ได้ You say 'F-B-I'. เขาเรียกว่า ‘เอฟบีไอ’ The listener will know if you make a mistake. ผู้ฟังจะรู้ค่ะว่าคุณผิดหรือเปล่า [Bick] That is so scary. [บิ๊ก] น่ากลัวมาก [Fah] But it's fun, right? [ฟ้า] แต่มันก็สนุกนะคะ ว่าไหม But I think when you learn about these challenges, ฟ้าว่าเมื่อคุณได้เรียนรู้เรื่องท้าทายเหล่านี้ when you come across these challenges, ได้เจอกับปัญหาเหล่านี้ you will find a solution for yourself. และได้ค้นหาทางออกให้ตัวเอง Maybe you cannot solve that problem at that time, บางทีคุณอาจจะแก้ปัญหานั้นไม่ได้ ณ ตอนนั้น it's okay, you learn, you can do better. ก็ไม่เป็นไร ได้เรียนรู้ และคุณสามารถทำให้ดีขึ้นได้ [Bick] I think it's not wrong to say that [บิ๊ก] ผมว่าก็คงไม่ผิดที่จะบอกว่า each interpreter has his or her own way ล่ามแต่ละคนก็มีสไตล์ของตัวเอง of practicing or improving or getting to the top of the game. ในการฝึกซ้อม พัฒนา และเป็นเลิศในศาสตร์ๆ นี้ But do you have any basic foundational rule แต่ส่วนตัวคุณฟ้ามีกฎพื้นฐานไหมครับ or something that newbies should know about becoming a good interpreter? หรืออะไรที่มือใหม่ควรรู้หากอยากเป็นล่ามที่ดี [Fah] The baseline would be solid languages. [ฟ้า] พื้นฐานน่าจะเป็นภาษาที่แข็งแรง Like, you have to be proficient in language skills, คุณต้องมีความชำนาญในด้านทักษะภาษา and then even your native language, the mother tongue. แม้แต่ในภาษาบ้านเกิด ภาษาแม่ของคุณ Sometimes, some people might have a hard time pronouncing 'ร เรือ' or something like that. บางคนมีปัญหาออกเสียง ‘ร เรือ’ อะไรแบบนี้ So, for translators or interpreters, you have to have solid languages, แต่นักแปลหรือล่ามต้องมีภาษาที่แข็งแรงก่อนค่ะ you have to have good speaking skills, communication skills. ทักษะการพูดและสื่อสารต้องดี You have to have, I would say, an accent that is easy to listen to. และคุณต้องมีสำเนียงที่ฟังง่าย You don't have to have an American or a British accent, ไม่จำเป็นต้องเป็นสำเนียงอเมริกันหรืออังกฤษ but you have to pronounce the words correctly, แต่ต้องออกเสียงคำได้ถูกต้อง with the stress, the intonation. มีการเน้นพยางค์และมีการขึ้น-ลงของเสียงที่ถูกต้อง Like, you have to understand the nature of the language, ต้องเข้าใจธรรมชาติของภาษา and also you need to understand the cultural differences. และต้องเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม Is that a lot already? เยอะแล้วใช่ไหมคะ [Bick] Yeah, I think that's like a whole lot. [บิ๊ก] ใช่ครับ เยอะเลย But like you said, if you find all this fun, แต่อย่างที่คุณฟ้าว่า ถ้าคุณรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้น่าสนุก maybe this is a job for you. นี่อาจจะเป็นงานที่ใช่สำหรับคุณ Because from what I can see, this is like you improving yourself every day, เพราะจากที่ผมสังเกตเห็น นี่คือการพัฒนาตัวเองขึ้นทุกวัน and it's for the sake of communication or helping others understand each other. เพื่อการสื่อสารและช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจกันและกัน So, it's fun. ฉะนั้นมันสนุก If this is for you, and you think this is challenging more than scary, ถ้างานนี้ใช่ และคุณมองว่างานนี้น่าตื่นเต้นมากกว่าน่ากลัว maybe you can pursue this. อาจจะลองดูก็ได้นะครับ [Fah] Another thing that I would recommend is [ฟ้า] อีกเรื่องที่อยากแนะนำก็คือ when you read something in Thai, sometimes I do this as a warmup before a job. เวลาอ่านอะไรเป็นภาษาไทย บางครั้งฟ้าก็อุ่นเครื่องแบบนี้ Let's say the script is in Thai, สมมติมีสคริปต์ภาษาไทย I would read it out loud in English. ฟ้าก็จะอ่านออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษ So the message is transmitted through the eyes, ฉะนั้นข้อความก็จะส่งผ่านจากสายตา but then I say it in English to warmup the brain. แล้วก็พูดเป็นภาษาอังกฤษ เพื่ออุ่นเครื่องให้สมอง So, every time you see something in Thai, think of it in English, or say it out loud. ฉะนั้นทุกครั้งเวลาเห็นอะไรเป็นภาษาไทย ลองคิดและพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษดู And another thing you can do is just record yourself interpreting at home, อีกเรื่องที่ทำได้ก็คืออัดวิดีโอตัวเองตอนฝึกล่ามที่บ้าน and then you watch the replay, แล้วย้อนกลับมาดูตัวเอง and then you give yourself feedback and comments. ให้ติชมและให้ความคิดเห็นกับตัวเอง I do that all the time. ฟ้าทำแบบนี้ตลอดเวลา I know that I make mistakes. ฟ้ารู้ว่าฟ้าทำผิด Sometimes I say 'คับ' instead of 'ครับ'. บางครั้งฟ้าพูด ‘คับ’ แทนที่จะเป็น ‘ครับ’ It might be annoying for some audiences, but I'm working on it, อาจจะฟังดูน่ารำคาญสำหรับผู้ฟัง แต่กำลังปรับปรุงค่ะ and I think it's good. และฟ้าคิดว่ามันดีนะ Another good thing is self-evaluation. อีกวิธีที่ดีคือการประเมินตัวเอง Even though you don't have a job today, แม้ว่าคุณจะยังไม่มีงานในวันนี้ but you can still act as if you have a job and record yourself. แต่คุณสามารถทำเหมือนตัวเองมีงานและบันทึกเทปตัวเองไว้ได้ Like, watch some videos on YouTube and just translate and interpret it. เช่น ดูวิดีโอบน YouTube แล้วลองแปลหรือลองล่าม [Bick] Well, from what I heard, most of what you've done is self-taught, right? [บิ๊ก] จากที่ผมได้ยินมา ทุกอย่างที่คุณฟ้าทำเนี่ย ฝึกเองทั้งหมดใช่ไหมครับ And you did a great job teaching yourself. แล้วคุณก็สอนตัวเองได้ดีมากๆ Do you have any mentors or someone you learn from? คุณฟ้ามีที่ปรึกษาหรือมีครูไหมครับ [Fah] Well, actually, I have a Master's degree in Translation and Interpretation, [ฟ้า] โหย จริงๆ ฟ้าจบปริญญาโท ด้านการแปลและการล่ามค่ะ and I have to thank all my professors who taught me all the amazing theories. ต้องขอบคุณอาจารย์ที่สอนทฤษฎีให้ But the way I use it, I kind of apply it in my life or something like that. แต่วิธีนำมาประยุกต์ใช้ ก็ทำเองค่ะ And I do have mentors or the people that I learn from. ฟ้าก็มีคุณครูที่ปรึกษาหลายคนที่ฟ้าเรียนรู้จากพวกเขา They are the buddies, เป็นเหมือนคู่หูของฟ้า they are my interpreter buddies. เป็นคู่ล่ามของฟ้า Everyone I work with, I learn from them. ฟ้าก็ได้เรียนรู้จากทุกคนที่ได้ร่วมงานด้วย I actually ask them like, 'What do you think about my speed?' ฟ้าถามเขาว่า ‘คิดว่าความเร็วของฟ้าเป็นอย่างไรบ้าง’ 'Did you like my translation?' ‘ชอบที่ฟ้าแปลไหม’ I ask in the booth right away. ถามในตู้ทันทีเลยค่ะ 'Is there something that I…' ‘มีอะไรที่ฟ้า…’ 'Any comments?' ‘มีข้อติชมไหมคะ’ Because sometimes when we work together, เพราะบางทีเราทำงานด้วยกัน if one person speaks super fast and the other person very slowly, ถ้าคนหนึ่งพูดเร็วมาก อีกคนพูดช้ามาก they do not match, มันก็ไม่เข้ากันค่ะ and then the audience might feel like, 'What? Change again?' แล้วผู้ฟังก็อาจจะรู้สึกว่า ‘อะไรนะ เปลี่ยนอีกแล้วเหรอ’ So, sometimes you have to look at the speed and pace of your friend as well. ฉะนั้นต้องสังเกตความเร็วของเพื่อนด้วย So, every time I go to work, I learn a lot from other people. ทุกครั้งที่ไปทำงาน ก็ได้เรียนรู้จากคนอื่นค่ะ [Bick] This is something that I didn't think of [บิ๊ก] อันนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้คิดถึงเลย because the interpreter's job is like you work on your own, by yourself, เพราะงานล่ามเหมือนเป็นงานที่ต้องทำคนเดียว but there might be many times that you have to work with others. แต่หลายครั้งคุณก็ต้องทำงานร่วมกับคนอื่น [Fah] Definitely. [ฟ้า] แน่นอนค่ะ This is another important thing that I would like everyone to know as well is อีกเรื่องสำคัญที่อยากให้ทุกคนรู้ก็คือ if, for a long period of hours, like a job, let's say a day with more than 10 speakers, ถ้าทำงานหลายชั่วโมงติดต่อกัน เช่น วันหนึ่งมีผู้บรรยายเกิน 10 คน they have to hire more than 1 interpreter. ลูกค้าต้องจ้างล่ามมากกว่า 1 คนค่ะ We need bathroom breaks, ล่ามต้องมีเวลาพักเข้าห้องน้ำ and also, as I told you, there's a limitation on the cognitive load, และอย่างที่ฟ้าบอก ภาระทางสมองของเรามีขีดจำกัด and some people can function very effectively for 20 minutes or 15. บางคนอาจจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากๆ แค่ 20 หรือ 15 นาที [Bick] Bandwidth, and then you run out of it, and then you need to recharge. [บิ๊ก] ความจุเนอะ จากนั้นก็อาจจะหมด และต้องพักเพื่อชาร์จ [Fah] That's why for long conferences, they need to hire more than one. [ฟ้า] เป็นเหตุผลที่ประชุมขนาดยาวต้องจ้างล่ามมากกว่า 1 คน [Bick] That's good. [บิ๊ก] ดีครับ It sounds a lot more fun now in my head. ตอนนี้ฟังดูน่าสนุกขึ้นเยอะเลย It's like you have your community, เหมือนว่าล่ามก็มีชุมชนของล่าม a lot of people you can learn from, มีหลายคนให้ได้เรียนรู้วิชา and then you can swap things like experiences among you guys. ที่สามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ [Fah] And you know what? When you have a friend, a buddy at work, [ฟ้า] และพี่รู้ไหมคะ เวลามีเพื่อนทำงานเนี่ย you don't feel like you walk alone เราจะไม่รู้สึกเหมือนเดินอยู่เดียวดายเลย because sometimes your friend prepares something เพราะบางครั้งเพื่อนเราเตรียมอะไรมา and they share the notes with you. ก็แบ่งให้เราดูด้วยได้ Sometimes they share the reference materials. บางครั้งเขาก็แบ่งเอกสารอ้างอิงกัน Let's say I get 10 PowerPoint slides, เช่น ฟ้าได้สไลด์พาวเวอร์พอยต์มา 10 หน้า and then my friend's like, 'Okay, I will study five, and you study five,' เพื่อนก็อาจจะบอกว่า ‘โอเค เดี๋ยวฉันทำการบ้าน 5 หน้า เธอทำ 5 หน้า’ 'and then in the morning we can share, or you can just send me anything.' ‘ตอนเช้าเราค่อยมาแบ่งกัน เธอจะส่งอะไรมาก่อนก็ได้’ So it's like friends helping each other, ก็คือเป็นเหมือนเพื่อนที่ช่วยเหลือกันค่ะ and then you feel like you're not alone, เราก็จะรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว and it's not too hard because you have your friend. และมันไม่ได้ยากเกินไป เพราะมีเพื่อนอยู่ If you don't know this word, ถ้าไม่รู้คำศัพท์ your friend will know that, if it's too hard or too technical, เพื่อนก็จะรู้ ถ้ามันยากหรือเฉพาะทางเกินไป your friend will look it up for you and write it on the Post-it เพื่อนก็จะช่วยค้นศัพท์และเขียนใส่โพสต์อิท or just show you on the screen. หรือโชว์ให้ดูบนจอก็ได้ [Bick] This is a good thing to know, [บิ๊ก] เป็นเรื่องดีที่ได้รู้มากๆ เลยครับ that it's not a lonely job like it sometimes looks like. ว่างานล่ามไม่ใช่งานเหงาๆ แบบที่คนนอกมองอาจจะมอง [Fah] Not at all. [ฟ้า] ไม่เลยค่ะ Even though there's another type of interpreter, it's called RSI, แม้ว่าจะมีล่ามอีกประเภทที่เรียกว่า RSI and that's remote simultaneous interpreting. ก็คือล่ามแปลฉับพลันทางไกล So you have to use platforms like Zoom or Interprefy or something like that. ต้องใช้แพลตฟอร์มอย่าง Zoom หรือ Interprefy But the tricky part is how are you going to hand over to another translator เรื่องยากก็คือ แล้วจะส่งไม้ต่อให้อีกคนอย่างไร because you're at different locations, เพราะเราอยู่กันคนละที่ so it's hard, right? ก็ยาก ใช่ไหมคะ So you have to talk to your friend like I type 'O' and then you type 'K', ฉะนั้นเราอาจจะต้องตกลงกับเพื่อนว่า ฉันพิมพ์ ‘O’ แล้วเธอพิมพ์ ‘K’ นะ and it means I can turn my mic off. แล้วเราถึงจะสามารถปิดไมค์ได้ Or if I text you, if you go to the bathroom and you… หรือถ้าฟ้าส่งข้อความไป แล้วอีกคนไปห้องน้ำ I would have to go on translating, right? เราก็ต้องแปลต่อไปก่อน ถูกไหมคะ Or you might use some platform, which is a really good platform, หรือคุณอาจจะใช้แพลตฟอร์ม ซึ่งดีมากๆ it's called Interprefy. ชื่อว่า Interprefy There's a handover button. มันจะมีปุ่มกดเพื่อส่งต่อค่ะ It's like when you push it, it sends the request to another person, เวลากดปุ๊บ มันก็จะส่งคำขอไปให้อีกคน and if that person presses 'Okay', และถ้าอีกคนกดปุ่ม ‘ตกลง’ it's going to countdown like '3-2-1' and then you turn on your mic, ระบบก็จะนับถอยหลัง 3-2-1 แล้วคุณก็เปิดไมค์ได้ and the transition is seamless. การส่งต่อก็จะต่อเนื่องไม่ติดขัด [Bick] Because you do need to turn on and off your mic. [บิ๊ก] เพราะคุณต้องเปิด-ปิดไมค์ตัวเองด้วย And actually, it's like the equivalent of saying 'over' จริงๆ ก็เหมือนเราพูดว่า ‘ทราบแล้วเปลี่ยน’ when you do radio transmission. เวลาคุยวิทยุล่ะเนอะ Like 'over' means it's a cue that I'm done talking, now it's your turn. คำว่า ‘เปลี่ยน’ เป็นสัญญาณบอกว่าฉันพูดจบละ ตาเธอแล้ว [Fah] But then you cannot say 'over' because you're literally speaking. [ฟ้า] แต่เราพูดคำว่า ‘ทราบแล้วเปลี่ยน’ ไม่ได้ เพราะเราแปลอยู่จริงๆ So you have to just talk to your friend, nod to your friend, or like… ต้องบอกเพื่อน หรือพยักหน้า หรือ… something like that. อะไรแบบนั้น [Bick] And there's another thing that I see from… [บิ๊ก] มีคลิปหนึ่งที่ผมเห็นจาก… just go to her TikTok account. ไปดูที่บัญชี TikTok ของฟ้าได้นะครับ And what platform do you have? TikTok… คุณเล่นอะไรบ้างนะ TikTok [Fah] TikTok, Instagram, and Facebook. [ฟ้า] TikTok, Instagram แล้วก็ Facebook ค่ะ Engbypfah, the same name. Engbypfah ชื่อเดียวกันทั้งหมด [Bick] She puts up all the videos that show her at work, [บิ๊ก] เขาลงคลิปตอนทำงานเยอะมาก and there might be a time that you kind of tap, และมีอันหนึ่งที่คุณฟ้าต้องแตะๆ not tap, smash the button. ไม่ใช่แค่แตะ แต่ตบปุ่มเลยด้วย [Fah] ตบไมค์ Smashing, hitting. ตบ ฟาด [Bick] In order to send the signal to the other person that 'Okay, you go now'. [บิ๊ก] เพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ว่า ‘โอเค ตาเธอ’ [Fah] You see the action is very fast [ฟ้า] เห็นไหมคะว่าต้องเร็วมาก because sometimes slow is too slow. เพราะบางทีถ้าช้า มันช้าเกินไป You have to hit it hard. ต้องตบแรงๆ So for that buddy, he prefers us to not take turns, และคู่ล่ามคนนี้ของฟ้า เขาไม่อยากให้เราสลับกันเป็นช่วงๆ but he's going to do the male speakers and I do the female. แต่เขาจะล่ามผู้บรรยายชาย แล้วให้ฟ้าแปลของผู้หญิง So every time if there's a female voice, I hit the button, ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงผู้หญิง ฟ้าก็จะตบปุ่มค่ะ which is fun. ซึ่งก็สนุกดี [Bick] And also, it leads to another question that I want to ask. [บิ๊ก] นำไปสู่อีกคำถามที่ผมอยากถาม So, is there space for newbies right now? วงการนี้มีพื้นที่สำหรับหน้าใหม่ไหมครับ What is the competitiveness like in the industry right now? การแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างไร [Fah] I would have to say that I'm such a newbie myself [ฟ้า] ฟ้าคงต้องออกตัวว่าตัวเองก็เป็นหน้าใหม่เหมือนกัน compared to people with over 20 or 30 years of experience. เทียบกับพี่ๆ ที่ประสบการณ์ 20-30 ปี I would say there is space, definitely, ฟ้าคงต้องบอกว่า มีพื้นที่แน่นอนคะ and there are opportunities for everyone และมีโอกาสสำหรับทุกคน because there are different types of meetings, conferences, เพราะการประชุมมีหลายประเภทมากๆ maybe it's an interview or at a booth selling merchandise or something like that, อาจจะเป็นสัมภาษณ์ ขายสินค้าที่บูธ หรืออะไรแบบนั้น and they need a live interpreter, พวกเขาก็ต้องการล่ามแปลสด but it's not very serious, แล้วก็ไม่ได้เคร่งมาก so there are many areas. ฉะนั้นมีหลายประเภทค่ะ [Bick] So, there are lots of types of interpretation jobs. [บิ๊ก] มีงานล่ามหลายสาย [Fah] Media interviews, press conferences, or medical settings [ฟ้า] สัมภาษณ์สื่อ ประชุมแถลงข่าว หรือเชิงการแพทย์ that require trained and experienced interpreters. ที่ต้องการล่ามที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ [Bick] So, you can still pursue this career [บิ๊ก] ก็คือมือใหม่ก็ทำอาชีพนี้ได้ if you think, when you listen to this, ถ้าคุณคิดว่า หลังจากฟังที่คุณฟ้าพูดแล้ว and you might say to yourself, 'This could be me'. แล้วบอกกับตัวเองได้ว่า ‘นั่นอาจจะเป็นเราก็ได้’ [Fah] And if any job is open for audition, [ฟ้า] และถ้ามีงานไหนที่เปิดคัดเลือก you can just send your voice recording or video. ก็ลองส่งเสียงหรือวิดีโอตัวเองไปดู [Bick] So, another question is, what's the pay like? [บิ๊ก] อีกคำถามก็คือ ผลตอบแทนเป็นอย่างไรครับ Because when I told my story at the beginning of episode, เพราะตอนแรกที่ผมเล่าเรื่องของผมตอนเริ่มเอพิโสด one reason that I decided to go to the audition เหตุผลหนึ่งที่ผมตัดสินใจไปคัดเลือก even though I knew that I was not qualified, แม้จะรู้ตัวว่าไม่มีคุณสมบัติพร้อม but well, what if, maybe, แต่ใครจะไปรู้ล่ะเนอะ and because the money was very good. ก็เพราะเงินมันดีมาก So, is the money really that good? ฉะนั้นเงินมันดีขนาดนั้นจริงไหมครับ [Fah] I would say it's good. [ฟ้า] ฟ้าขอบอกว่ามันดีค่ะ Well, I think it depends on the types of the jobs คิดว่าขึ้นอยู่กับประเภทของงานด้วย or it depends on each person, ขึ้นอยู่กับแต่ละคน but I would say that… แต่ก็ต้องบอกว่า… [Bick] Like, how hard a job is? [บิ๊ก] แบบว่างานนั้นยากแค่ไหน [Fah] How hard? [ฟ้า] ยากแค่ไหนเหรอคะ You mean like… พี่หมายถึง… [Bick] Like, if it's a really difficult situation or… [บิ๊ก] แบบ ถ้าเป็นงานที่ยากจริงๆ หรือ… [Fah] Actually, the money doesn't depend on the challenge or the difficulty at all. [ฟ้า] จริงๆ เงินไม่ได้ขึ้นอยู่กับความท้าทายหรือความยากใดๆ เลยค่ะ It depends on the client's budget. มันขึ้นอยู่กับงบของลูกค้า [Bick] So, it could be a very easy job, [บิ๊ก] อาจจะเป็นงานง่ายๆ but maybe the people that you need to translate for แต่คนที่คุณไปแปลให้ are really high-profile or famous, and they have a huge budget. เขาดังหรือมีหน้ามีตามากๆ และมีงบเยอะ [Fah] Or maybe if it's in dollars or something like that, [ฟ้า] หรือเขาจ่ายเป็นดอลลาร์สหรัฐ อะไรแบบนั้น like foreign clients, so it depends. แบบว่าลูกค้าต่างชาติ ฉะนั้นก็แล้วแต่งานค่ะ So, mostly, they will ask how much do you charge first, ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วเขาก็จะถามก่อนว่าคุณคิดเท่าไร or they will tell you, 'We have this amount of budget.' หรือเขาจะบอกเลยว่า ‘เรามีงบเท่านี้นะ’ 'Is that okay for you?' ‘คุณโอเคหรือเปล่า’ I would say like… ฟ้าก็จะบอกว่า… [Bick] ขอเรตคุณฟ้าหน่อยครับ ประมาณนี้ [Fah] Something like that. [ฟ้า] อะไรประมาณนั้นค่ะ But I would say, for newbies, me myself as a newbie as well, แต่ฟ้าว่าสำหรับมือใหม่ ซึ่งฟ้าเองก็ใหม่นะคะ I started, and I… ฟ้าเริ่มจาก แล้วฟ้า… It's a little bit rosy, but at first, I didn't focus on the money that much. อาจจะฟังดูเลี่ยน แต่ช่วงแรกฟ้าไม่ได้คิดถึงเงินขนาดนั้นค่ะ I feel like in this field, you have to collect all the working hours ฟ้ารู้สึกว่าในสายงานนี้ เราต้องเก็บชั่วโมงบิน in order to be trained and have experience. เพื่อที่จะได้ฝึกและมีประสบการณ์ [Bick] ชั่วโมงบินเนอะ [Fah] Yeah, the ชั่วโมงบิน thingy. [ฟ้า] ใช่ค่ะ ชั่วโมงบิน So if you ask me, what does it cost? ถ้าถามฟ้า เรามีต้นทุนอะไร It's just you and your brain. ใช้แค่ตัวเรากับสมอง It's not like MC where you have to have ไม่เหมือนเป็นพิธีกรที่ต้องมี the makeup artist, hairdo, or costume or something like that. ช่างแต่งหน้า ช่างผม คนดูแลเครื่องแต่งกาย So for interpreters, if you think of it, like no cost? สำหรับล่าม คิดดูดีๆ ก็อาจจะไม่มีต้นทุนเลย [Bick] Most of the time you’ll be in your booth. [บิ๊ก] ส่วนใหญ่ล่ามก็จะอยู่ในตู้ล่าม [Fah] Yeah, but actually, this is serious as well. [ฟ้า] ใช่ค่ะ แต่เอาจริงๆ นะ อันนี้ซีเรียสเหมือนกัน I think it's really important to… ฟ้าคิดว่ามันสำคัญมากๆ Even though you might feel like you're invisible or you're alone in the booth, แม้คุณจะรู้สึกว่าไม่มีใครเห็นเรา อยู่คนเดียวในตู้ but you have to be professional and dress up แต่คุณก็ต้องเป็นมืออาชีพ แต่งตัวให้ดี because you know what? เพราะรู้ไหมคะ Situations might change. สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนก็ได้ There was one time they told me to be in the booth, มีครั้งหนึ่งที่ลูกค้าบอกให้ฟ้าอยู่ในตู้ and then they just changed their mind like, 'Go on the stage.' แล้วก็เปลี่ยนใจ แบบ ‘ฟ้าขึ้นไปบนเวทีด้วย’ Because the CEO didn't want to be there alone. เพราะคุณซีอีโอไม่อยากขึ้นไปคนเดียว อยากมีเพื่อน 'Can you just stand by the podium?' ‘ไปยืนข้างๆ โพเดียมได้ไหม’ I was like, 'Huh?' ฟ้าก็แบบ ‘ห้ะ’ [Bick] But if you're in your PJs or if you're in your sweatpants… [บิ๊ก] ถ้าคุณยังอยู่ในชุดนอนหรือใส่ชุดวอร์มอยู่ล่ะ [Fah] You cannot wear sneakers or something like that [ฟ้า] ใส่รองเท้าผ้าใบหรืออะไรแบบนั้นไม่ได้เลย if you care about your appearance. ถ้าใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์นะคะ You have to be professional in case situations change. ต้องเป็นมืออาชีพ เผื่อสถานการณ์เปลี่ยน It's important as well สำคัญเช่นกัน because if you're not ready, they're not going to put you on the stage. เพราะถ้าคุณไม่พร้อม ลูกค้าไม่เอาคุณขึ้นเวที And who's going to do the job? แล้วใครจะล่าม If you did not wear proper attire, ถ้าไม่สวมเครื่องแต่งกายที่เหมาะสม they'd ask you to get changed, ลูกค้าอาจจะสั่งให้คุณไปเปลี่ยนชุดได้ like, you'd have to buy some clothes or something like that. อาจจะต้องไปซื้อเสื้อผ้าอะไรแบบนั้น So you have to care about a lot of things, but it's fun. ฉะนั้นต้องใส่ใจหลายเรื่อง แต่ก็สนุกค่ะ [Bick] Another question that I kind of lately have been asking all of my guests, [บิ๊ก] คำถามอีกข้อที่ผมถามแขกทุกคนช่วงหลังๆ because for some reasons, it's related to all industries. เพราะมันเกี่ยวข้องกับทุกอุตสาหกรรม ก็คือ Are you afraid of AI stealing your job one day? คุณกลัว AI แย่งงานคุณไหม Because that would be something that AI could do really well, surprisingly well, เพราะภาษาเป็นอะไรที่ AI ทำได้ดีมากๆ จนน่าตกใจเลยนะ and they could be really good, like scary good, with translation and stuff. และมันทำได้ดีสุดๆ จนน่ากลัวในเรื่องการแปล So, do you see yourself one day having your job stolen by AI? เพราะฉะนั้นคุณมองว่าวันหนึ่งมันจะเข้ามาแย่งงานคุณได้ไหม [Fah] I wouldn't say stolen or replaced. [ฟ้า] ฟ้าคงไม่บอกว่าแย่งหรือแทนที่นะคะ I think actually, if you look at it from another angle, เพราะจริงๆ ถ้ามองอีกมุม you would feel like AI actually helps you boost your creativity. คุณจะรู้สึกว่า AI เข้ามาช่วยยกระดับความคิดสร้างสรรค์ของคุณ It actually helps you save your energy for something better ช่วยประหยัดพลังงานให้ไปทำอะไรที่ดีกว่า because AI is going to, I heard, replace the commonality, เพราะจากที่ฟ้าได้ยินมา AI จะแทนที่อะไรที่เป็นสามัญธรรมดา something straightforward, อะไรที่ตรงไปตรงมา something that doesn't need a lot of decision-making, อะไรที่ไม่ต้องการการตัดสินใจเยอะๆ creativity, inventiveness, or something like that. ความคิดสร้างสรรค์ ความคิดริเริ่มสิ่งใหม่ อะไรแบบนั้น So actually, it will help you prepare more. จริงๆ มันจะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้ดีขึ้น Maybe your research can be done faster with the help of AI, อาจจะทำการบ้าน ศึกษาข้อมูลได้เร็วขึ้นด้วย AI and then you can just use your brain to focus on something that is more challenging or complex. และสามารถใช้สมองไปจดจ่อกับสิ่งที่ซับซ้อนและท้าทายกว่า And I would say that when it comes to language, และฟ้ามองว่าเรื่องภาษา you see, there are cultural differences, humor, sarcasm, มันมีเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรม อารมณ์ขัน และการเหน็บแนม the tone, the style, the form that you have, น้ำเสียง วิธีการ และรูปแบบที่คุณมี or even like one word with multiple meanings. กระทั่งคำหนึ่งคำที่มีหลายความหมาย Who's going to make the decision for AI? ใครจะเป็นคนตัดสินใจให้ AI It's still human, right? ก็ต้องเป็นมนุษย์ใช่ไหมล่ะคะ So I think for the time being, AI cannot replace interpreters. ฉะนั้นฟ้าคิดว่าตอนนี้ AI ยังไม่สามารถแทนล่ามได้ [Bick] Not totally at least. [บิ๊ก] อย่างน้อยก็ไม่ทั้งหมด [Fah] Not totally, but help, I would say, [ฟ้า] ไม่ทั้งหมด แต่ช่วยได้ค่ะ [Bick] It could be great assistance. [บิ๊ก] AI จะช่วยได้เยอะเลย [Fah] Right, great assistance, yes. [ฟ้า] ใช่ค่ะ ช่วยได้เยอะ [Bick] And I was thinking, if AI makes a mistake and that mistake leads to a huge conflict, [บิ๊ก] ผมกำลังสงสัยว่า ถ้า AI ทำผิดพลาด ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งใหญ่โต who would be responsible for that? ใครจะเป็นคนรับผิดชอบครับ [Fah] Right? [ฟ้า] ใช่ไหม Yeah, that's right. ใช่ๆ [Bick] And we cannot let that happen. [บิ๊ก] ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ But at least if it's still a human interpreter, แต่อย่างน้อย ถ้าเราใช้ล่ามเป็นมนุษย์ at least you can be held accountable, อย่างน้อยมนุษย์ก็รับผิดชอบได้ or at least you kind of know that you have to do your job well, หรืออย่างน้อยคุณก็รู้ว่าต้องทำงานตัวเองให้ดี and you can make a judgment call right then and there, ต้องใช้วิจารณญาณตัดสินใจเดี๋ยวนั้น like, how you're going to handle the situation. จะรับมือสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร [Fah] Or even if the client asks you to tone something down [ฟ้า] หรือถ้าลูกค้าขอให้คุณเบาภาษาลง or asks you to do something else, หรือขอให้ทำอะไรบางอย่าง then AI cannot do that simultaneously, instantly. AI ก็ทำไม่ได้โดยทันที [Bick] But I do like your point that you can recruit AI as your assistants. [บิ๊ก] แต่ผมชอบประเด็นที่คุณบอกว่า เราสามารถใช้ AI เป็นผู้ช่วยได้ [Fah] Yeah, I think it will really help in terms of preparation. [ฟ้า] ใช่ค่ะ ฟ้าว่ามันช่วยในเรื่องการเตรียมตัว But then when you're on your job, then it's you แต่เวลาอยู่หน้างาน มันก็คือคุณ and your brain, and your mouth. และสมอง และปาก [Bick] I wish we had more time to… [บิ๊ก] ผมอยากให้เรามีเวลามากกว่านี้จัง maybe we can talk after this, เราอาจจะคุยกันต่อได้นะครับ and I think it's going to be something that I can enjoy talking about it for days. ผมว่าเป็นเรื่องที่ผมคุยได้เป็นวันๆ [Fah] Really? [ฟ้า] จริงเหรอคะ [Bick] Yeah, this is fascinating. [Fah] It doesn't sound nerdy at all, right? [บิ๊ก] ใช่ครับ น่าหลงใหลมากๆ [ฟ้า] ไม่ได้ฟังดูวิชาการใช่ไหมคะ [Bick] No, not for me. [บิ๊ก] สำหรับผม ไม่นะครับ But what about you? You can share. แล้วคุณผู้ชมล่ะครับ แบ่งปันกันได้นะ But I think this is so much fun, แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้สนุกมากเลย and it's not like the interpretation job, มันไม่ใช่แค่งานล่ามเท่านั้น but it's human communication, understanding each other. แต่เป็นการสื่อสารระหว่างมนุษย์ให้เข้าใจกัน If you think of it that way, ถ้าคิดในมุมนั้น this is something that has to do with everybody. มันเกี่ยวกับทุกคน [Fah] You know what? As a person who started as an English tutor, [ฟ้า] รู้ไหมคะ ในฐานะคนคนหนึ่งที่เริ่มจากการเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษ I helped people identify the language barrier and helped them get over it. ฟ้าช่วยให้คนเจอกำแพงภาษาและพาพวกเขาข้ามมัน But as an interpreter, แต่สำหรับล่ามแล้ว I'm the person who bridges the language barriers, ฟ้าเป็นคนที่เชื่อมกำแพงภาษา and I help people connect. และช่วยให้คนเชื่อมโยงกันค่ะ And it's really fulfilling, มันเป็นอะไรที่อิ่มเอมใจมากๆ a very meaningful job like, this is really important. เป็นงานที่มีความหมาย เป็นอะไรที่สำคัญจริงๆ Like, I'm speaking to people so that they understand everything. ฟ้าพูดกับผู้คน เพื่อให้พวกเขาเข้าใจทุกอย่าง Like, without you, it's not possible. ถ้าไม่มีล่าม มันเป็นไปไม่ได้เลย Like, if this person doesn't speak Thai, ถ้าคนหนึ่งไม่ได้พูดไทย how can you talk to another person? คุณจะคุยกับอีกคนอย่างไร So cool. มันเจ๋งมากๆ [Bick] And if that sounds like something that you would want to be your goal in life [บิ๊ก] ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณอยากให้เป็นเป้าหมายชีวิต or the career that you want to pursue, หรือเป็นอาชีพที่คุณอยากไขว่คว้า if yes, maybe you can start by following her and subscribing to her channel, ถ้าใช่ คุณอาจจะเริ่มจากการติดตามช่องคุณฟ้าก่อน and learning from her, และเรียนรู้จากเธอ because she's also learning from the job she's doing every day เพราะเธอก็เรียนรู้จากงานที่ทำทุกๆ วัน and from her fellow interpreters also. และเพื่อนๆ ชาวล่ามของเธอเช่นกัน Let's start with that. เริ่มจากตรงนั้นก่อน But before we end the show, ก่อนจะจบรายการวันนี้ I ask this to all my guests as well. ผมถามคำถามนี้กับแขกรับเชิญทุกคนเหมือนกันครับ I want to know if you have any favorite word in Thai and English. ผมอยากรู้ว่าคุณฟ้ามี ‘คำนี้ดี’ ในภาษาไทยหรืออังกฤษไหม So, what would be your คำนี้ดี for คุณฟ้าครับ? อะไรคือ ‘คำนี้ดี’ ของคุณฟ้าครับ [Fah] For English, right now, [ฟ้า] ภาษาอังกฤษ ตอนนี้ I like the word 'vulnerability.' ฟ้าชอบคำว่า ‘ความสามารถในการอ่อนแอ’ ค่ะ So, vulnerability, people would think that ได้ยินคำนี้ หลายคนอาจจะคิดถึง it means weakness or susceptibility or something like that, right? จุดอ่อน ความอ่อนไหว อะไรแบบนั้น But when you look at the word, แต่ถ้าดูที่คำให้ดีๆ it's 'vulnerable' and then 'ability.' มันคือ ‘อ่อนแอ’ และ ‘ความสามารถ’ So, it's actually the ability to be vulnerable, It’s the ability to be wounded. ฉะนั้นมันคือความสามารถในการอ่อนแอ ความสามารถในการยอมบาดเจ็บ So, when you see it as an ability, เวลาที่มองว่ามันเป็นความสามารถ you can improve, you can develop, and that's where you grow. นั่นหมายถึงคุณสามารถปรับปรุง พัฒนาได้ และนั่นเป็นวิธีเติบโต And every challenge and problem, ทุกปัญหาและความท้าทาย you might feel like you're not good enough or you feel bad, and you feel vulnerable. คุณอาจจะรู้สึกว่าไม่เก่งพอ รู้สึกแย่ รู้สึกอ่อนแอ But that's actually a good start แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี because you grow from there. เพราะคุณจะได้เติบโตจากตรงนั้น You have to let yourself become vulnerable and learn, something like that. ต้องปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอ และเรียนรู้ It just blew my mind when I listened to a podcast or something like that, ประทับใจมากๆ ครั้งแรกที่ได้ฟังพอดแคสต์เรื่องนี้ค่ะ and they talked about vulnerable and then ability, I was like, 'Wow.' แล้วเขาก็พูดถึง ‘อ่อนแอ’ และ ‘ความสามารถ’ ฟ้าแบบ ‘ว้าว!’ [Bick] I like that word too. [บิ๊ก] ผมชอบคำนั้นเหมือนกัน How about a Thai word? แล้วคำไทยล่ะครับ [Fah] For Thai words, I would say there are no specific words, [ฟ้า] สำหรับภาษาไทย ฟ้าไม่ได้ชอบคำใดคำหนึ่ง but I like the idea of 'คำซ้อน' and 'ไม้ยมก.' แต่ชอบไอเดียของ ‘คำซ้อน’ หรือ ‘ไม้ยมก’ ค่ะ [Bick] ไม้ยมกเหรอครับ [Fah] I like ไม้ยมก. [ฟ้า] ชอบไม้ยมก That is weird, right? แปลกใช่ไหมคะ [Bick] ‘ดีๆ’ ‘มากๆ’ อะไรอย่างนี้เหรอ [Fah] Yeah. [ฟ้า] ใช่ค่ะ I like 'คำซ้อน' and 'ไม้ยมก' because there's no close equivalent in English. ชอบเพราะว่าไม่มีคำในภาษาอังกฤษที่เทียบเท่า If you look at it, how can you translate… ถ้าลองนึกดูดีๆ คุณจะแปลคำว่า let's say, 'บ้านเรือน' and 'บ้านช่อง?’ เช่น ‘บ้านเรือน’ และ ‘บ้านช่อง’ อย่างไร 'บ้านเรือนสวยงาม' and then 'บ้านช่องทำไมไม่กลับ' ‘บ้านเรือนสวยงาม’ และ ‘บ้านช่องทำไมไม่กลับ’ It's different, right? มันต่างกันเนอะ [Bick] เหมือนเป็นคำสร้อยเนอะ ประมาณนั้น [Fah] It's like two close meaning words put together, [ฟ้า] เหมือนการประสมคำสองคำที่ความหมายใกล้กัน but they convey another meaning. แต่มันให้ความหมายอีกอย่างเลย Or even the word like 'เปราะบาง.' หรือคำอย่าง ‘เปราะบาง’ ยังเปราะแล้วยังบางอีกอะ Like, Oh My Gosh. แบบว่า คุณพระ Like, หนักแน่น It's so หนัก and so แน่น. But in English, you just say 'firm' or 'steady.' แต่ในภาษาอังกฤษ ก็มีแค่ ‘แน่น’ ไม่ก็ ‘มั่นคง’ there's no concept of 'คำซ้อน' in English. ภาษาอังกฤษไม่มีคำซ้อน So, I think this is like Thai wisdom, so cool. เป็นภูมิปัญญาไทยเหมือนกันนะคะ เจ๋งมาก [Bick] Amazing, and nerdy to a lot of people, [บิ๊ก] สุดยอด แล้วก็เนิร์ดมากสำหรับหลายคน but I still see it as amazing. แต่ผมยังมองว่ามันสุดยอดอยู่ It is so much fun to know the language in that part or aspect. สนุกมากที่ได้รู้จักภาษาในแง่มุมนั้น Like, 'Oh, this is fun.' แบบว่า ‘โอ้ นี่มันสนุกจัง’ [Fah] This is fun, and you know, actually, language was invented by humans, right? [ฟ้า] สนุกค่ะ มนุษย์ประดิษฐ์ภาษาเนอะ It reflects our wisdom and the beauty, มันสะท้อนภูมิปัญญาและความสวยงาม and if you can see it from some angles, และถ้ามองมันในบางแง่มุม I think it makes you appreciate life even more. ฟ้าว่ามันช่วยให้เราเห็นคุณค่าชีวิตมากยิ่งขึ้นอีก For me, I feel like that, สำหรับฟ้า ฟ้ารู้สึกแบบนั้น I feel like, 'Wow, this is so cool.' รู้สึกว่า ‘ว้าว มันเท่จัง’ Like, how can you think of this word? คิดคำนี้ได้ไง Or this is so meaningful. ความหมายดีจัง And everything becomes fascinating. แล้วทุกอย่างก็น่าหลงใหล I'm such a nerd. ฟ้าเด็กเนิร์ดมากเลยเนอะ [Bick] It was fun, this is your place. [บิ๊ก] มันสนุกสนานมากครับ นี่คือที่ของคุณเลย This is your place to be. เป็นที่ที่คุณเนิร์ดได้ [Fah] It's คำนี้ดี, we talk about คำ. [Bick] Yeah, since the show is called 'คำนี้ดี' [บิ๊ก] เพราะรายการเราชื่อ ‘คำนี้ดี’ and you're a person with many words, of course, และแน่นอนว่าคุณฟ้าก็เป็นคนที่มีคำเยอะ because as an interpreter, you work with words, basically, ในฐานะล่าม คุณก็ต้องทำงานกับคำเป็นปกติ so I want to know what word or words is or are not in your vocabulary. ผมอยากรู้ว่ามีคำว่าอะไรที่ไม่อยู่ในคลังศัพท์ของคุณบ้าง [Fah] I thought about that, [ฟ้า] ฟ้าคิดถึงคำถามนี้มาก่อนแล้ว like I said before, like language… อย่างที่บอก ภาษา… It's powerful, and I feel like it's not right or wrong, มันทรงพลัง และฟ้ารู้สึกว่ามันไม่มีถูก-ผิด but how we use it. แต่เป็นวิธีที่เราใช้มันต่างหาก So, the word that I really don't like the way it's being used is the word 'wannabe.' ฉะนั้นคำที่ฟ้าไม่ชอบวิธีที่คนนำไปใช้มากๆ ก็คือคำว่า ‘วันนาบี’ [Bick] Wannabe? [บิ๊ก] วันนาบีเหรอ [Fah] Yeah, like 'You're such a wannabe.' [ฟ้า] ใช่ค่ะ แบบ ‘แกมันวันนาบีเหลือเกิน’ 'You sign up for this course, you sign up for this content, ‘ลงเรียนคอร์สนี้เหรอ ลงเรียนเรื่องนี้เหรอ’ you speak English in this accent, you're such a wannabe.' พูดอังกฤษด้วยสำเนียงนี้น่ะเหรอ แกมันวันนาบีเหลือเกิน’ So, my question is, 'What's wrong with being a wannabe?' คำถามก็คือ ‘วันนาบีแล้วผิดตรงไหน’ I want to be something good when it comes to self-development, right? ฉันอยากเก่ง ฉันอยากพัฒนาตัวเอง I want to ‘be’. ฉันอยาก ‘เป็น’ I think we should be proud to say that I'm a wannabe, ฟ้าว่าเราควรภูมิใจที่เราเป็น ‘วันนาบี’ and one day, I will be what I want to be, และวันหนึ่งเราจะเป็นคนที่เราอยากเป็นได้ something like that. อะไรแบบนั้นค่ะ [Bick] I never thought of it that way before, [บิ๊ก] ไม่เคยคิดมุมนั้นมาก่อนเลย but that's true. แต่มันจริงครับ This word has been turned into a bad guy. คำนั้นถูกทำให้กลายเป็นผู้ร้าย [Fah] Like a bad guy carries a very negative connotation. [ฟ้า] ผู้ร้ายที่แฝงไปด้วยนัยแง่ลบ Like, it should be… มันควรจะเป็น To be fair, if you have the word 'wannabe,' เพื่อความยุติธรรม ถ้ามีคำว่า ‘วันนาบี’ you should have the word 'don't wannabe,' ก็ต้องมีคำว่า ‘ไม่วันนาบี’ ด้วย like, 'you're such a don't wannabe nice.' แบบ “แกมันคน ‘ไม่วันนาบี’ คนดีเลย” Like, 'Ew, you're a don't wannabe.' แบบ ‘อี๊ว แกมันไม่อยากฝัน อยากเป็นอะไรเลย’ [Fah] Just kidding. [Bick] That's so cool. [ฟ้า] ล้อเล่นนะคะ [บิ๊ก] เจ๋งอะ [Bick] And I had a lot of fun talking to you today. [บิ๊ก] ผมสนุกมากที่ได้คุยกับคุณฟ้าวันนี้ And thank you so much for coming to our show. ขอบคุณมากที่มารายการเรานะครับ [Fah] Thank you so much for having me. [ฟ้า] ขอบคุณที่เชิญค่ะ [Bick] ขอบคุณครับ [Fah] Thank you. [ฟ้า] ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ
Info
Channel: KND Studio
Views: 824,441
Rating: undefined out of 5
Keywords: knd studio, knd, คำนี้ดี, knd podcast, KND, บิ๊กบุญ, ภูมิชาย, ภูมิชายบุญสินสุข, Bickboon, ศัพท์, ศัพท์ภาษาอังกฤษ, ประโยคอังกฤษ, ภาษาอังกฤษ, ฝึกพูดภาษาอังกฤษ, ฝึกภาษาอังกฤษ, สอนภาษาอังกฤษ, เรียนภาษาอังกฤษ, เรียนภาษา, ประโยคภาษาอังกฤษ, คำศัพท์, สำเนียง, ล่าม, ฟ้า Engbypfah, Engbypfah, simultaneousinterpreter, FahBilingualMC, kndFeatEngbypfah
Id: hlG9nZmyzIQ
Channel Id: undefined
Length: 79min 0sec (4740 seconds)
Published: Mon Apr 01 2024
Related Videos
Note
Please note that this website is currently a work in progress! Lots of interesting data and statistics to come.