[Bick] This is ‘คำนี้ดี Featuring.’
นี่คือ ‘คำนี้ดี Featuring’ My name is Bick,
and welcome to the show.
ผมบิ๊ก ยินดีต้อนรับสู่รายการครับ Our guest today is thankfully a human.
โชคดีที่วันนี้แขกรับเชิญของเราเป็นคนครับ Don’t get me wrong, I love humans,
ผมชอบคนนะ อย่าเข้าใจผิด and this person is a very intelligent human,
ซึ่งคนคนนี้ฉลาดมากด้วย but still a human.
แต่ยังเป็นมนุษย์ So, we have talked to
a wide variety of people on our show,
เราคุยกับหลายต่อหลายคนในรายการนี้ from different professions,
ต่างหน้าที่การงาน from different walks of life,
ต่างวัย ต่างอาชีพ and I think humans are still
very interesting to talk to.
และต่างมีเรื่องที่น่าสนใจให้คุยด้วย But can you imagine one day
if we get to interview an AI on the show?
แต่คุณลองนึกภาพหากวันหนึ่งเราสัมภาษณ์เอไอขึ้นมา It wouldn't be a first, though.
ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกด้วย Take a look.
ลองดูนี่ครับ [Interviewer] Do you think of a world
where humans and robots coexist?
คุณว่าโลกที่คนกับหุ่นยนต์อยู่ร่วมกันจะเป็นยังไง [Robot] I think a world where humans and robots coexist
would be an amazing place.
ฉันว่ามันต้องยอดเยี่ยมแน่ๆ [Bick] Well, of course, it still feels a little awkward,
แน่ละ เราอาจรู้สึกแปลกๆ อยู่ and some might say cool,
แต่บางคนก็ว่ามันเจ๋งดี and some might say creepy.
บางคนมองว่าน่ากลัว I'm still on the fence
but super curious how might that go
ผมยังก้ำกึ่งแต่รอดูว่าจะเป็นยังไงต่อ if we can actually have a real conversation,
ว่าเราสามารถมีบทสนทนา a valuable and deep conversation, with an AI.
ที่มีคุณค่าและลึกซึ้งกับเอไอได้ไหม So, back to our guest today.
กลับไปที่แขกรับเชิญของเราวันนี้ So, this person,
we've seen him talk to our CEO on his show,
เขาเคยคุยกับ CEO ของเราในรายการเขามาแล้วครับ The Secret Sauce by Ken Nakarin,
The Secret Sauce โดย เคน นครินทร์ and we think to ourselves
แล้วเราก็คิดว่า if we ever have to talk to someone
about the future of human and AI,
ถ้าต้องคุยกับใครเกี่ยวกับอนาคตของมนุษย์และเอไอ it's got to be this person.
ต้องเป็นเขาคนนี้ So, let's go talk to him now.
งั้นไปคุยกับเขากันเลยครับ [Bick] สวัสดีครับ ดร.ณภัทร
[Napat] สวัสดีครับ [Bick] Thank you so much for coming.
ขอบคุณที่มาออกรายการเราครับ [Napat] Pleasure to be here.
ยินดีครับ [Bick] And this is not your first interview
or even two or three times with THE STANDARD.
นี่ไม่ใช่การสัมภาษณ์กับ THE STANDARD ครั้งแรก
หรือ 2-3 ครั้งด้วยซ้ำ You have become a familiar face.
กลายเป็นคนคุ้นเคยไปแล้ว [Napat] Yes, I'm here almost every day now.
ครับ ผมมาที่นี่แทบจะทุกวันแล้ว I love to be here. Thanks.
ชอบมาด้วย ขอบคุณครับ [Bick] I love having you here.
ผมเองก็ชอบครับ So, today, of course, and obviously,
we'll be talking about the AI stuff.
แน่นอนว่าวันนี้เราจะคุยเรื่องเอไอกัน But let's go back a little
and talk about you yourself.
แต่ขอคุยเรื่องคุณเองก่อน You have been and still are,
I'm not sure, an economist?
คุณยังเป็นนักเศรษฐศาสตร์อยู่ใช่ไหมครับ ผมไม่แน่ใจ [Napat] Yes.
ใช่ครับ [Bick] And you were called a great thinker.
และคนเรียกคุณว่านักคิด And you are, of course, a CEO,
แน่ละ เป็นซีอีโอด้วย you are a data technology entrepreneur.
และเป็นผู้ประกอบการเทคโนโลยีข้อมูล [Napat] That's a lot of things, huh?
เป็นเยอะเลยใช่ไหมละครับ [Bick] That's a lot of things to be,
but you are all those.
เยอะจริงครับ แต่คุณเอาอยู่ทั้งหมด [Napat] Sure, let me give you
a brief background on myself.
ครับ งั้นเดี๋ยวผมเล่าประวัติผมคร่าวๆ ก่อนนะครับ I'm an economist by training,
ผมเป็นนักเศรษฐศาสตร์โดยอาชีพ but I like to think that what I do is helping people
make better decisions with data technologies,
แต่ผมชอบคิดว่าผมช่วยให้คนตัดสินใจได้ดีขึ้นด้วยข้อมูลทางเทคโนโลยี from big data, AI, data science, to things like
blockchain and stuff that doesn't work yet
ข้อมูลขนาดใหญ่ ปัญญาประดิษฐ์ วิทยาการข้อมูล
ไปจนถึงบล็อกเชน และเรื่องอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ผล but will be in one day.
แต่สักวันจะใช้ได้ And I enjoy them immensely.
ซึ่งผมชอบสุดๆ ไปเลยครับ I love my job, and I do that
through some of my companies.
ผมรักงานนี้ ซึ่งผมทำผ่านบริษัทผมนี่แหละ And the problems we help solve
range from things like
ปัญหาที่พวกเราเข้าไปช่วยก็มีตั้งแต่ how to prevent people from dying on the roads,
วิธีป้องกันการเสียชีวิตบนท้องถนน you know, people die on the roads like
Thailand has about 15K deaths per year
คุณรู้ไหมว่าสถิติผู้เสียชีวิตบนถนนคือ 15,000 รายต่อปี and it's been happening for decades,
ซึ่งมีมาหลายสิบปีแล้ว to problems like how to predict demand for goods,
ไปจนถึงพยากรณ์ความต้องการสินค้า how to prevent people from
gaming the system in the stock exchange,
วิธีกันคนเล่นตุกติกกับตลาดหุ้น to really obscure stuff
that nobody is excited about but I am,
และเรื่องคลุมเครือที่คงไม่มีใครตื่นเต้นยกเว้นผม like predicting whether or not a transaction on
a blockchain will land with a certain probability.
เช่น คาดการณ์ถึงความน่าจะเป็นของธุรกรรมในบล็อกเชน Some of you might enjoy this,
บางคนก็ชอบเรื่องพวกนี้นะ if so please join the company.
ถ้าชอบ มาทำงานกับผมได้นะครับ So that's what I do, and I love it.
นี่คือสิ่งที่ผมทำและชอบด้วยครับ And It's been about enterprise-level analytics,
คือเป็นการวิเคราะห์ระดับองค์กรทั้งนั้น stuff that has to do with
organizational-level problem-solving.
หรือการแก้ปัญหาระดับองค์กร But with GenAI, I think
it's becoming more and more personal,
แต่พอ GenAI เข้ามาก็เริ่มเป็นเรื่องของทุกคนแล้วครับ and I'm happy to share my views on that today.
ซึ่งผมยินดีที่จะแบ่งปันมุมมองเรื่องนี้ในวันนี้ด้วย [Bick] So, talking about data or deep technology,
or super advanced technology,
เรื่องข้อมูล เทคโนโลยีขั้นสูงหรือล้ำๆ a lot of people might feel that
it's still very distant from their understanding.
หลายคนอาจรู้สึกว่ายังไกลตัวไปอยู่ But of course, it's very close to human life.
แต่แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา Maybe it's in our lives
without us even knowing it.
อาจอยู่ในชีวิตเราไปแล้วโดยไม่รู้ตัวก็ได้ But to try to understand it wholly and super well,
แต่การจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ do we need to go that far to understand
what's going on in terms of technology or AI?
ต้องลงลึกขนาดไหนเพื่อเข้าใจเทคโนโลยีหรือเอไอ [Napat] So, whatever I just said, that's my job.
สิ่งที่ผมพูดไปคืองานที่ผมทำ I think for the majority of people on this planet,
ซึ่งคนส่วนมากบนโลกนี้ you probably don't have to know all the details
about how it works and whatnot.
ไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดขนาดว่ามันทำงานยังไงหรอกครับ But I do think you need to have the right mindset
แค่ต้องมีมุมมองที่ถูกต้อง to think about all the things
that are happening around us.
เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว Because remember, technology is
what brought humanity to this level of development.
เพราะอย่าลืมว่าเทคโนโลยีคือสิ่งที่ทำให้เกิดความเจริญแก่มนุษย์ But also, people talk about this AI wave
as being really volatile, really risky.
แต่คนก็มองว่าการมาของAI นี้ผันผวนและเสี่ยงสูง Like, there's a lot of opportunities ahead,
ถึงมีโอกาสมากมายข้างหน้า but we have no clue
what's going to happen to all of us,
แต่ก็ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น what's going to be fake or real,
อะไรจริงไม่จริง what's going to happen to
our jobs or our kids, or even ourselves.
อะไรจะเกิดขึ้นกับงาน ลูก หรือแม้แต่ตัวเราเอง I hear people all the time complaining,
ผมได้ยินคนบ่นตลอดเวลา "โอ้ สงสารเด็กรุ่นนี้," "Oh, I feel bad for these youngsters."
สงสารเด็กรุ่นนี้ And then they're like, "Oh shoot..."
แล้วพวกเขาก็แบบ “โอ้ จริงด้วย” [Bick] "I feel sorry for myself too."
“รู้สึกสงสารตัวเองด้วย” [Napat] Am I going to be around next year?
นี่ปีหน้าจะรอดไหม Because if you look at jobs,
เพราะถ้าเป็นเรื่องงาน people think that if you work for big Tech
or a large corporation, it's safe.
คนคิดว่าทำงานบริษัทเทคใหญ่แล้วจะรอด It certainly was not the case
in the past two years.
ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่แบบนั้นเลย So things are changing rapidly,
หลายๆ อย่างเปลี่ยนไปไวมาก so at least, I guess,
get a good understanding of what's happening
ฉะนั้นอย่างน้อยๆ ผมขอแค่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัว and what you need to do to adapt and survive.
และเราต้องทำยังไงบ้างเพื่อปรับตัวเพื่อความอยู่รอด [Bick] At least get used to how fast it changes
อย่างน้อยให้ชินกับการเปลี่ยนแปลงก่อน or try to understand that
there are always new things to learn every day.
หรือพยายามเข้าใจว่ามีสิ่งใหม่ๆ ให้เรียนรู้ทุกวัน [Napat] Yeah.
ใช่เลย [Bick] But you don't need to know everything
in order to go on, I guess,
แต่ไม่ต้องรู้ทุกอย่างก็ได้ผมว่านะ but you still have to
understand the big picture of it
แต่ยังไงควรเข้าใจภาพรวมของมัน so you can pick and choose how you would
relate yourself to whatever is advancing ahead of us.
จะได้เลือกได้ว่าเรามองเห็นตัวเองในเรื่องนี้ในอนาคตยังไง [Napat] Exactly.
ถูกต้องเลยครับ [Bick] Can you tell us a little bit more
คุณช่วยเล่าให้ฟัง about what you do at both institutions
that you're working at right now,
เรื่องการทำงานทั้งสองที่ที่ทำอยู่ตอนนี้ได้ไหมครับ like ThailandFuture (สถาบันอนาคตไทยศึกษา)
and also ViaLink?
สถาบันอนาคตไทยศึกษา กับ ViaLink [Napat] Sure. So, at ThailandFuture,
ได้ครับ อย่างที่สถาบันอนาคตไทยศึกษา first of all, it's not a political party.
ก่อนอื่น ไม่ใช่พรรคการเมืองนะครับ People get that wrong a lot of times.
คนเข้าใจผิดตลอด But we do research that propels
Thailand's foundation to do well in the future,
แต่เราทำวิจัยที่ขับเคลื่อนมูลนิธิให้พัฒนาต่อไปในอนาคต and we pick and choose
certain topics that we would do.
ซึ่งมีการเลือกหัวข้อที่จะทำ This year, we're doing digital assets,
สำหรับปีนี้เราทำเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล that's another sleeping giant
that people misunderstand a lot.
เป็นเรื่องสำคัญที่หลายคนยังไม่รู้และเข้าใจผิด People think it's all about scams and speculation,
คนคิดว่ามันเป็นกลลวงและการเก็งกำไรไปซะหมด which is not wrong,
ซึ่งก็ไม่ผิด but it misses the point of what's happening to it
แต่หลงประเด็นไปหน่อยว่ามันคืออะไร and how it's going to affect capital markets,
กระทบตลาดทุน financial markets,
ตลาดเงิน or even the digital economy as we know it.
หรือเศรษฐกิจดิจิทัลที่เรารู้จักยังไง So that's more like
the public policy side of things that I take care of.
นี่เป็นนโยบายสาธารณะที่ผมรับผิดชอบ I used to work at Harvard Kennedy School,
ผมเคยทำงานที่โรงเรียนฮาร์วาร์ดเคนเนดี it's part of Harvard.
สถาบันในเครือของฮาร์วาร์ด [Bick] People know about that now, I guess.
คนน่าจะรู้จักกันแล้วละครับ [Napat] Yeah, after the election, right?
จริงสิ หลังจากการเลือกตั้ง And I was passionate about
using data to inform policies
และผมอินกับเรื่องการใช้ข้อมูลเพื่อประกาศนโยบาย so that it's worth the taxpayers' money.
จะได้คุ้มค่าต่อการเสียภาษีหน่อย So, that's been something
I've wanted to do for a long time.
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมานาน We can talk more about this as well
เราคุยเรื่องนี้เพิ่มได้นะครับ because this episode is probably going to be
about skills, education, and stuff.
ไหนๆ อีพีนี้ก็เกี่ยวกับทักษะ การศึกษาอยู่แล้ว And when I did my PhD,
I specialized in the economics of education,
ตอนผมเรียนปริญญาเอก ผมเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การศึกษา so there's a lot of low-hanging fruit
มีเป้าหมายที่คว้าได้ง่ายๆ and a lot of opportunities
to craft better policies for Thailand.
และโอกาสมากมายให้ได้สร้างนโยบายที่ดีให้ประเทศไทย So that's more of the public side of me.
อันนี้ก็จะเป็นด้านที่สาธารณะได้รับรู้ For ViaLink, it's a tech startup
which is still alive and well.
ส่วน ViaLink บริษัทสตาร์ทอัพเทคที่ยังอยู่ดีและไปได้สวย We want to decentralize commerce excellence
เราอยากกระจายอำนาจในตลาดค้าขาย that you would see in
Lazada, Shopee, Amazon, or big players.
ที่เห็นในลาซาด้า ช้อปปี้ อเมซอน หรือรายใหญ่อื่นๆ We want to be able to
equip other companies to produce,
เราอยากเตรียมพร้อมให้บริษัทอื่นๆ ก็สามารถผลิต stock, fulfill, and deliver products
really well with low cost
สต็อกสินค้า เติมของ ส่งของในต้นทุนที่ต่ำได้ without having to pay
to develop their own IT system
โดยไม่ต้องจ้างค่าพัฒนาระบบ IT and use AI to help with all of that,
และใช้เอไอเข้ามาช่วยทั้งหมด from production to
last-mile delivery to your home.
ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงขั้นสุดท้ายของการส่งของถึงบ้านคุณ I spent a lot of time in the US,
and I've seen how Amazon did it,
ผมอยู่ที่อเมริกานานเลยเห็นวิธีของอเมซอน and it's pretty remarkable how they did it
in terms of investments in data.
น่าทึ่งมากว่าพวกเขาทำได้ยังไงในการลงทุนในข้อมูล Because without that, you can't do it,
เพราะถ้าขาดสิ่งนั้นไป คุณทำไม่ได้แน่นอน but then again, you don't see
that happening here or anywhere else
แต่ก็นั่นแหละ คุณไม่เห็นใครหรือที่อื่นทำแบบนี้ because it's tough and
it requires a lot of thinking and redesign.
เพราะมันยาก ใช้เวลาคิดและปรับแก้เยอะ So, at ViaLink, we want to
equip different companies of all trades
ViaLink เลยอยากเข้ามาติดอาวุธให้บริษัททั้งหลายนี้ to have operational excellence with AI.
เพื่อความเป็นเลิศด้านการทำธุรกิจด้วยเอไอ Hopefully, they will make more profits
and everyone will be happy.
ก็หวังว่าจะทำให้เขาได้กำไรมากขึ้น ทุกคนพอใจ [Bick] So they can focus on what they do best,
คือบริษัทเหล่านี้สามารถเอาเวลาไปโฟกัสสิ่งที่ทำได้ดี like producing great products
and providing the best service,
เช่น ผลิตสินค้า หรือบริการดีๆ and then you help take care of the rest.
แล้วคุณก็ช่วยดูทั้งหมดที่เหลือ [Napat] Yeah, because if you look at it,
pretty much everything could be automated.
ใช่ครับ เพราะถ้าดูจริงๆ จะเห็นว่าทุกอย่างเป็นระบบอัตโนมัติได้ Like, even production, some of our clients
wanted it to not be completely automated at first,
ลูกค้าบางเจ้าไม่อยากให้การผลิตเป็นระบบอัตโนมัติเลยตอนแรก but once we ship the product
and it works all the time,
แต่พอเราส่งสินค้าสำเร็จได้ they're like,
"Why spend an engineer's time doing this?"
พวกเขาก็แบบ “เสียเวลาให้วิศวกรทำทำไม” And then they move the engineers to do something else
that has more value-added to the company.
เลยให้วิศวกรทำงานอื่นที่มีคุณค่ามากกว่าแทน [Bick] You've mentioned before
that you spent quite a long time in the US.
คุณเคยพูดถึงการใช้ชีวิตนานเลยที่อเมริกา So, for how many years and doing what?
กี่ปีครับ แล้วไปทำอะไร [Napat] For too long.
นานเกินครับ So, I was at สาธิตจุฬา first,
เรียนสาธิตจุฬาฯ มาก่อน and then I moved to the US for high school.
ไปต่อ ม.ปลายที่อเมริกา I thought I was great at math,
นึกว่าตัวเองเก่งเลข but I was not,
ที่ไหนได้ so it's a type of school
where everyone seems like a genius
มันเป็นโรงเรียนที่เด็กทุกคนเป็นอัจฉริยะ and I'm like, "Oh man, what is this?"
They gave me a calculator, TI-83/84,
ผมแบบ “โห่ คืออะไรเนี่ย” ผมได้เครื่องคิดเลข TI-83/84 มา and I was like, "Oh, this must be easy, right?
Like, I'm from Asia, and I'm good at math."
“เรามันเด็กเอเชียนะ เก่งเลข แค่นี้ง่ายอยู่ละ” คือสิ่งที่ผมคิด [Bick] Yeah, we're known for being good at math.
ใช่เลย เรื่องเลขนี่ขอให้บอก Even the worst one like myself,
ขนาดผมที่ห่วยมากๆ แล้วนะ I'm still better at math than a lot of Americans.
ยังเก่งเลขกว่าชาวอเมริกันหลายคนเลย [Napat] Yeah, and then
they even gave me a calculator and a book,
ครับ จากนั้นพวกเขาก็ยังให้หนังสือพร้อมเครื่องคิดเลขมาอีก and then I was like, "A book too?"
ผมแบบ “ฮะ มีหนังสือด้วยเหรอ” And then it ended up being that
I'm not the best at all in all the subjects.
สุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้เป็นที่หนึ่งในวิชาไหนเลย So that really taught me
how to persevere in a challenge.
เป็นบทเรียนเรื่องความมุมานะเมื่อเจอความยากลำบากของผมครับ [Bick] So, this is not like the typical,
usual kind of high school that you were attending,
อันนี้ไม่ใช่โรงเรียนปกติทั่วไปล่ะสิ it's like specialized.
เป็นโรงเรียนเฉพาะทาง [Napat] It's probably more specialized than most,
เฉพาะทางกว่าที่อื่นด้วยละครับ but I struggled a bit.
ต้องดิ้นรนเหมือนกันครับ I got a four in English,
ได้เกรด 4 ภาษาอังกฤษ but it didn't matter,
แต่มันไม่สำคัญหรอก I couldn't write.
ผมเขียนไม่ได้ The first thing I had to do
was read 'The Elements of Style,'
อย่างแรกที่เราต้องทำคืออ่านหนังสือเรื่อง 'The Elements of Style' that is like the most important book for writing.
ถ้าจะเขียนเล่มนี้สำคัญมาก And then I wrote my first essay in life and got a B-.
ผมเขียนเรียงความชิ้นแรกในชีวิตไปแล้วได้ B- I think a B- was kind,
B- คือใจดีมากแล้ว I think the professor was nice.
อาจารย์ใจดีมากแล้ว But that taught me that I had to write better.
มันทำให้ผมรู้ว่าต้องพัฒนาการเขียนอีก It's important in life and anywhere else you go.
เพราะมันสำคัญไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม Even with ChatGPT, I still argue that writing is
the most important thing that you should have.
ต่อให้เรามี ChatGPT แต่ผมยังคิดว่าการเขียนให้เป็นสำคัญสุด [Bick] I think words like
'prompt engineer' are floating around,
ช่วงนี้คำว่า ‘วิศวกรพรอมต์’ เต็มไปหมด and we kind of heard of it,
เราเคยได้ยินมาบ้าง but maybe you can tell us more about
prompt engineering in this episode too later,
เดี๋ยวไว้คุณเล่าเรื่องวิศวกรพรอมต์ได้นะ maybe in our conversation.
ตอนเราคุยกันไปเรื่อยๆ So, you were in the US,
สรุปว่าคุณเคยอยู่อเมริกา and you kind of knew that you had to pay a lot of
attention to your writing skills and your math,
ต้องฝึกทักษะเขียนและฝึกเลขเยอะ but what else?
มีอะไรอีกไหมครับ What else did you enjoy at the moment,
ชอบอะไรบ้างไหมในตอนนั้น and did you have difficulty
adjusting your life into the society or...?
หรือปรับตัวเข้ากับสังคมยากหรือเปล่า [Napat] No, I actually loved America. I loved it.
ไม่นะครับผมชอบอเมริกามาก รักเลย And I almost did not come back.
เกือบไม่กลับมาแล้ว That's why I told you I spent maybe too long there.
ถึงบอกว่าผมอยู่ที่นั่นนานเกินไปจริงๆ I was there since high school,
went to college, went to Cornell,
เรียนทั้ง ม.ปลาย มหาวิทยาลัยเรียนที่คอร์เนลล์ then went to get a master's in
international finance at Johns Hopkins in DC,
ต่อปริญญาโทหลักสูตรการเงินต่างประเทศที่จอห์นส์ฮอปกินส์ในวอชิงตัน and then somehow decided to
do research at Harvard Kennedy School
ต่อด้วยทำวิจัยที่ฮาร์วาร์ดเคนเนดี and then a PhD again.
และเรียนปริญญาเอกอีกครั้ง It was a long trip.
เป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก [Bick] Was this all planned?
วางแผนทุกอย่างมาหมดไหมครับ Did you know that you would go as far as a PhD
when you were studying for your bachelor's?
คุณรู้ไหมว่าจะต่อปริญญาเอกตอนเรียนปริญญาตรี [Napat] Well, if you're the firstborn in my family,
ก็ถ้าคุณเป็นลูกคนโต I think you are kind of forced
to do something that involves economics.
คุณจะโดนบังคับเป็นนัยๆ ว่าต้องเรียนทางเศรษฐศาสตร์ [Bick] Did your father have any say
in your education journey?
พ่อของคุณมีอิทธิพลในการตัดสินใจไหมครับ [Napat] Well, what do you think?
คุณว่าไงล่ะ [Bick] Yeah, of course.
ครับ แน่อยู่แล้ว [Napat] Yeah, so it's a lot of schooling for me,
ใช่ครับ ก็เรียนมาเยอะเลย probably too much,
but I did enjoy my experience.
อาจเยอะไปด้วย แต่ชอบนะ I was a good student,
ผมเป็นนักเรียนที่ใช้ได้ and what I loved the most was the experience
of being abroad and being independent.
ที่ชอบที่สุดของการเรียนเมืองนอกคือการอยู่ด้วยตัวเอง I think it's risky because
that's when you form your identity as a teenager,
เสี่ยงทีเดียวเพราะวัยรุ่นคือเวลาที่เราบ่มเพาะความเป็นตัวตนเรา but also you have to do everything on your own.
และก็ต้องทำทุกอย่างเองเป็นด้วย I worked at restaurants too, just to get a feel.
ผมเคยทำงานร้านอาหารด้วย อยากรู้ความรู้สึก I rode buses and got robbed in a bus.
ขึ้นรถประจำทาง โดนปล้นบนรถด้วย [Bick] Oh, really?
จริงเหรอครับ [Napat] Yeah, like the total package of
how to be an Asian in America.
ใช่ครับ ครบสูตรการเป็นคนเอเชียในสหรัฐอเมริกา And also because I wanted to know
if I wanted to live there or not, or come back.
แต่เพราะอยากรู้ด้วยว่าอยากอยู่ต่อไหมหรือกลับไทย [Bick] So, you were know for sure,
คือคุณไม่ได้รู้ you didn't know for sure
if you wanted to come back,
ไม่รู้แน่ชัดว่าอยากกลับไทยไหม or ultimately, you knew that
eventually you'd have to come back to Thailand?
หรือว่าสุดท้ายแล้วก็คิดว่าจะกลับมาไทยครับ [Napat] No, I was dead serious
about starting a life there
ไม่รู้เลย ผมเกือบได้เริ่มต้นชีวิตที่นั่นจริงๆ แล้ว because I was so used to it
เพราะผมชิน and I love the values there.
และชอบค่านิยมด้วย There are so many towns and states
that I could vote with my feet.
มีหลายเมืองที่ถ้าไม่ชอบก็เดินออกมาได้เลย If I don't like a particular city,
I could just move to a different city.
ถ้าไม่ชอบเมืองไหนก็แค่ย้าย I've been moving cities,
ผมย้ายมาเรื่อยๆ so I've lived everywhere except the West Coast.
อยู่มาทุกที่นะครับยกเว้นฝั่งซ้ายของประเทศ I could be a great Grab driver or something,
like my resume is full of driving.
ถ้าเป็นคนขับแกร็บคือประสบการณ์โชกโชนสุดๆ Like, you know, the South and everywhere.
ทางตอนใต้และทุกๆ ที่ So, I enjoy moving a lot,
ผมชอบการย้ายที่อยู่มากครับ but now I'm completely settled in Bangkok.
แต่ตอนนี้ปักที่กรุงเทพฯ แล้ว [Bick] You decided to come back, why?
ทำไมคุณตัดสินใจกลับมาครับ [Napat] I think it had to do with
Trump winning, a bit.
น่าจะเกี่ยวกับตอนทรัมป์ชนะเลือกตั้งด้วย Can we talk about politics?
เราคุยเรื่องการเมืองได้ไหมนะ It's okay.
ไม่เป็นไรครับ So, he won,
ก็ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง and I was like, "Huh."
แล้วผมแบบ “ฮะ” But then also, we have relatives here,
our families are here,
แต่ผมมีญาติและครอบครัวที่อยู่ที่นี่ and as much as
people lose hope about this country,
ซึ่งต่อให้หลายคนจะหมดหวังกับประเทศนี้แค่ไหน I'm an investor at heart,
ผมเป็นนักลงทุนครับ and I think this is undervalued by a lot.
และผมคิดว่าประเทศนี้ถูกประเมินมูลค่าต่ำไป Like, you look at stocks,
they're not as profitable, right? The companies.
หุ้นตามบริษัทต่างๆ ไม่ค่อยทำกำไรถูกไหมครับ But you know that there's talent in this country,
แต่ประเทศนี้มีความสามารถ in this room, in this company, and everywhere.
ในห้องนี้ ในบริษัทนี้ ทุกที่ It's just not organized in a good way to bring it out.
แค่ยังขาดการจัดการที่ดีที่ดึงศักยภาพออกมาได้ [Bick] A lot of untapped
sources or talents opportunities.
มีทรัพยากร ความสามารถ โอกาสที่ยังไม่ถูกใช้อีกมาก [Napat] Yeah, and that's why
we decided to come back.
ครับ ผมเลยตัดสินใจกลับมา [Bick] That's good.
ดีครับ I'm glad you're back so you can…
ดีใจที่คุณกลับมานะ จะได้... I mean, you've been contributing a lot too,
หมายถึง คุณก็ทำอะไรดีๆ ให้เราเยอะ and I think it's going to be fun,
profitable, and beneficial to a lot of people,
มันน่าจะสนุก ได้กำไรและประโยชน์ต่อคนมากมาย at least those who are watching right now.
อย่างน้อยๆ ก็คนที่ดูอยู่ตอนนี้ So, one thing that I'm sure a lot of people
want to learn more about is the AI thing
ปัญญาประดิษฐ์เป็นอีกเรื่องที่คนน่าจะอยากรู้เพิ่ม because everybody's talking about AI right now,
เพราะทุกคนเอาแต่พูดถึงสิ่งนี้ตอนนี้ but not necessarily that
we have a good enough understanding with it.
แต่ไม่ได้แปลว่าเราเข้าใจมันดีพอ Of course, we use AI like
we use Google to help us a little here and there,
แน่นอนว่าเราใช้เอไอเหมือนใช้กูเกิลมาช่วยบ้าง but I'm sure that a lot of people want to do more,
แต่ผมมั่นใจว่าทุกคนคงอยากใช้ได้มากกว่านี้ like squeeze more out of the AI.
รีดออกมาให้หมด Do you have any advice for people
who kind of use AI on a regular basis already
มีคำแนะนำสำหรับคนที่ใช้เอไออยู่ประจำ but don't know how to get more out of it?
แต่ไม่รู้ว่าควรใช้อะไรเพิ่มไหมครับ [Napat] Yeah, for these people, congratulations.
ยินดีด้วยนะครับสำหรับคนเหล่านี้ These are the first movers,
ถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิก they're more adapt to technological change.
เดี๋ยวจะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นอีก I think to get more from it is to get together
with friends who are into the same thing
ถ้าอยากใช้ได้มากขึ้น ให้ลองจับกลุ่มกับเพื่อนที่สนใจเหมือนกันครับ and follow people online
who do incredible stuff with their lives.
ติดตามคนที่เขาทำเรื่องเจ๋งๆ กับชีวิตบนอินเทอร์เน็ต I actually talk to AI every day now.
ทุกวันนี้ผมคุยกับเอไอทุกวันนะครับ I'm not sure if that's for everyone,
ไม่แน่ใจว่าเหมาะกับคนอื่นเปล่านะ but I feel like in the future it will be a norm.
แต่อนาคตอาจเป็นเรื่องปกติก็ได้ Like, since ChatGPT came out,
I talk to AI probably…
ตั้งแต่มี ChatGPT ผมคุยกับเอไอประมาณ… of all conversations I have in a day,
at least 20% is with an AI.
20% ของบทสนทนาทั้งหมดต่อวัน And I foresee that by the end of this year,
it would be maybe half-half.
คาดว่าสิ้นปีนี้คงเป็น 50-50 Maybe that's because I'm running a business
and I need to talk to my employees,
อาจเพราะผมทำธุรกิจและต้องคุยกับพนักงาน but I guess in the future,
แต่ในอนาคตนั้น you might be talking to friends
who are not humans,
คุณอาจได้คุยกับเพื่อนที่ไม่ใช่คน girlfriend, boyfriend, I don't know, but…
หรือแฟนก็ได้ ไม่รู้สิ [Bick] We've already heard of it, right?
ซึ่งเราเคยได้ยินสิ่งนี้มาก่อนด้วย [Napat] Yeah, like an AI girlfriend or something.
ใช่ครับ แฟนเอไอประมาณนั้น [Bick] Yeah, we're treating AI as a friend,
ครับ เราให้เอไอเป็นทั้งเพื่อน a coworker, a boyfriend,
a girlfriend, or a therapist, right?
เพื่อนร่วมงาน แฟน นักบำบัด [Napat] And these things can do wonders.
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเยี่ยมไปเลย And I'm not so worried
about people who want to squeeze more.
ผมไม่เป็นห่วงคนที่อยากใช้มากกว่านี้นะ I think you'll be able to get there.
สักวันได้ใช้แน่นอน YouTube is probably the most valuable
source of information on how to do better.
ยูทูบน่าจะเป็นวิธีหาข้อมูลที่ดีที่สุดแล้วครับ I think what could complement would be
a mindset of why you want to do even more.
บวกกับการมีมายด์เซ็ตว่าทำไมคุณถึงอยากทำแบบนั้น Is it because you want to be a prompt engineer,
เพราะว่าอยากเป็นวิศวกรพรอมต์หรือเปล่า or is it because you want to just
do your job better or have a good life?
หรือแค่อยากทำงานเก่งขึ้น มีชีวิตที่ดีขึ้น Having a good life is a good goal, using AI,
ใช้ AI เพื่อมีชีวิตที่ดีเป็นเป้าหมายที่ดีครับ because we're so constrained by time, money,
เพราะว่าชีวิตเราถูกจำกัดด้วยเวลาและเงิน and our biological brain
cannot handle too many things, right?
แล้วสมองของเราก็รับอะไรมากเกินไปไม่ไหว ถูกไหม Like, I actually have multiple brains,
จริงๆ ผมมีหลายสมองนะ not here, definitely just one,
ไม่ใช่อันนี้นะ อันนี้มีอันเดียว but on my browser,
I have a brain for different things.
ผมมีสมองแยกสำหรับหลายๆ เรื่อง Not because I'm organized,
it's the complete opposite.
ไม่ใช่เพราะเป็นคนมีระเบียบด้วยนะ ตรงกันข้ามเลย I'm forgetful,
ผมขี้ลืมครับ you can ask my friends,
my wife, or my employees.
ลองถามเพื่อน ภรรยา หรือพนักงานดูได้ I forget everything,
ลืมทุกอย่างเลย and so I need to augment myself.
เลยต้องอัปเลเวลตัวเอง So, it's not about finding the best tool,
ดังนั้นมันไม่เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือที่ดีที่สุด it's about realizing that I'm flawed,
แต่เป็นการรู้ว่าตัวเองมีจุดบกพร่อง like severely flawed,
as a CEO of so many things.
อย่างรุนแรงเลยในการเป็นซีอีโอของหลายบริษัท I don't remember where I put the papers.
วางกระดาษไว้ที่ไหนยังจำไม่ได้เลย This morning,
I don't remember where I put my laptop.
เช้านี้ผมก็ลืมว่าวางโน้ตบุ๊กไว้ที่ไหน I had to look at my Siri,
like Find My iPhone or something,
ต้องใช้ สิริ หรือ Find My iPhone and so I have different brains for different stuff.
อย่างที่บอกว่าสมองผมแยกเป็นเรื่องๆ ไป [Bick] So, that's a good starting point,
knowing yourself,
การรู้จักตัวเองถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี being self-aware of what you need,
รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร what you're good at,
เก่งอะไร and what you need help for.
ต้องการความช่วยเหลืออะไร Can we go back to what you talked about earlier,
that you talk to AI every day?
เรากลับไปคุยเรื่องที่คุณคุยกับเอไอทุกวันได้ไหมครับ Can you give us
a few examples of how you talk to it?
คุณคุยยังไงนะ มีสัก 2-3 ตัวอย่างไหม Like, when you say talking, do you mean
actually talking, like voice commands,
ที่ว่าคุย หมายถึงคุยใช้เสียงจริงๆ or like typing and going back and forth?
หรือพิมพ์โต้ตอบกันไปมา [Napat] I'm not 60 years old yet,
so I don't talk to my iPhone.
ผมยังไม่ 60 ยังไม่ต้องพูดกับโทรศัพท์ครับ I don't know if that's true,
but I've noticed that most of the time
ไม่รู้จริงหรือเปล่านะ แต่สังเกตว่า it's like the older people
who don't really know how to type and just do this.
คนสูงวัยที่เขาพิมพ์ไม่ถูก เลยคุยกับโทรศัพท์เอา But anyway, I don't do that, I just type.
เอาเป็นว่าผมพิมพ์เอาครับ And I've learned to find a way
to prompt well and get a good response.
ซึ่งค้นพบวิธีการป้อนคำสั่งที่ได้คำตอบที่ดี And I pay, it's not free.
จ่ายเงินนะครับ ไม่ฟรี I always pay for the best thing.
อะไรดีก็ยอมจ่ายตลอด [Bick] The most advanced one?
ดีที่สุดเลยไหมครับ [Napat] Because at the end of the day,
it's only like 800 baht a month compared to…
เพราะตกเดือนละแค่ 800 บาท like it's cheaper than hiring anyone, right?
ถูกกว่าจ้างมนุษย์คนหนึ่ง ถูกไหมล่ะ And I'm not saying that it's better than anyone,
ไม่ได้จะสื่อว่ามันดีกว่าใคร it is probably smarter than most people you know.
แต่คงฉลาดกว่าหลายคนที่คุณรู้จัก It's certainly smarter than me in many aspects.
ฉลาดกว่าผมละแน่ๆ ในหลายด้าน So, it's a no-brainer to spend that.
เพราะฉะนั้นยอมจ่ายแบบไม่ต้องคิดเลยครับ And then talking to it,
I learn something new every day.
เราได้เรียนอะไรใหม่ๆ ตลอดทุกครั้งที่คุย But get this, it's not like I wake up and I'm like,
"Okay, what should I talk to you about?"
แต่ต้องเข้าใจนะว่า ผมไม่ได้ตื่นมาแล้วแบบ “เอาละ คุยเรื่องอะไรดี” No, it's more like I look at it as a human.
ไม่ครับ ผมมองเอไอเหมือนคุยกับคน So, I don't look at it as a tool.
ไม่ใช่เครื่องมือ Because if you look at it as a tool,
ถ้าเมื่อไรคุณคิดว่ามันเป็นเครื่องมือ then it's like a chore,
like "Oh, I've got to do this.
เมื่อนั้นมันจะกลายเป็นงานประจำที่เราต้องทำ I've got to open my Slack
or my LINE or Google."
“เดี๋ยวต้องเปิด สแลก ไลน์ กูเกิลละ” [Bick] You might only use it for work
or the project that you're working on.
คุณอาจใช้มันแค่ทำงานหรือทำโปรเจกต์ [Napat] Mostly for now,
ตอนนี้นะ ใช่ครับ but I've realized that
it can also be like a therapist
แต่ผมได้รู้ว่าเอไอเป็นนักบำบัดก็ได้ or a friend for other tasks that
I may need help with.
หรือเพื่อนที่คอยช่วยเรื่องอื่นๆ For example, Pi.AI,
like the one that's supposed to kill ChatGPT,
อย่างเช่น Pi. AI ที่แต่แรกจะมาล้ม ChatGPT that one blew my mind
in terms of how human it is
ทำเอาผมอึ้งกับความเสมือนคนของมัน and how compassionate,
how therapeutic it is.
ความเห็นอกเห็นใจและบำบัดของมัน This is the future of having a relationship
with a non-human but in such a human way.
นี่แหละอนาคตของความสัมพันธ์คน-เอไอที่เหมือนคนสุดๆ [Bick] Should that be
the ultimate goal for most AI,
ควรเป็นเป้าหมายสูงสุดของเอไอด้วยไหมครับ to advance itself
to the level of the most human-like
ที่จะพัฒนาระบบให้เสมือนคนที่สุด and have a relationship with humans
และมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ and be their best assistant or companion?
โดยเป็นผู้ช่วยหรือเพื่อนที่ดีได้ [Napat] That is not something that
the AI would decide.
เรื่องนี้เอไอตัดสินไม่ได้ครับ I think it is determined
by capital, by the markets,
เงินทุน ตลาดที่จะเป็นตัวกำหนด but I do think that it's going to go that way
แต่ก็คิดว่าคงเป็นแบบนั้น because most of the time
people are driven by human things,
เพราะส่วนมากคนเราขับเคลื่อนด้วยความเป็นมนุษย์ by relationships, by things that are human.
ความสัมพันธ์ ความเป็นมนุษย์ That's why you see the development of AI
being more and more human-like,
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเอไอถึงพัฒนาให้เหมือนมนุษย์ even though they're so supernatural,
like they can do so much more and be human.
ต่อให้มันจะเหนือธรรมชาติยังไง ทำเรื่องต่างๆ ได้มากกว่ามนุษย์ยังไงก็ตาม And I would even argue that
it's more human than most humans sometimes,
แล้วผมขอเถียงด้วยว่าบางทีก็เหมือนมนุษย์ยิ่งกว่าบางคน on a good day even, right?
ต่อให้เป็นวันที่ดีของเขาเสียอีก ใช่ไหม [Bick] We've talked about how it could
generate the video of humans, like human faces,
เราคุยกันเรื่องเอไอสร้างวิดีโอเป็นหน้าคน and then it could resemble
a human more than a human sometimes.
ซึ่งบางครั้งสร้างออกมาได้เหมือนคนมากกว่าคนอีก On the other side, humans could maybe
look not like humans, and that's scary.
ในทางตรงกันข้าม บางทีคนยังหน้าไม่เหมือนคนเลย น่ากลัวมาก [Napat] That's incredible.
It's only been a year, right?
เจ๋งสุดๆ ครับกับแค่ปีเดียวเอง Maybe a year since everything came out.
ปีเดียวตั้งแต่มีเอไอออกมา It's been 30 years though, or more,
if you count the birth of the actual field of AI,
แต่ถ้านับตั้งแต่เริ่มมีปัญญาประดิษฐ์เลยก็ 30 ปีขึ้นไป but it's mind-blowing.
น่าทึ่งอยู่ดี You won't be able to tell what's real or not.
คุณแยกไม่ออกหรอกอันไหนจริงหรือปลอม We can talk more about this,
whether I think people would care.
เราคุยกันเพิ่มได้นะครับว่าคนอื่นสนใจไหม[a] I'm in the camp that people don't care.
ผมว่าคนไม่ใส่ใจหรอก Maybe a lot of it.
หลายๆ อย่างเลย Maybe you don't care if it's super real,
คุณอาจไม่ใส่ใจว่าเอไอเหมือนคนมากๆ as long as it's real enough that you can
consume the content and move on with your life.
ขอแค่เหมือนมากพอให้เสพคอนเทนต์ และใช้ชีวิตต่อไปก็พอ Not necessarily good,
ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป but that's the future we'll probably be heading in,
แต่เรากำลังเดินไปสู่ทิศทางนั้น and you cannot tell whether it's real, right?
ครับ คือแยกไม่ออกเลยว่าจริงไหม And I think it's at the point
where anything is possible now.
เราอยู่ในจุดที่อะไรก็เป็นไปได้ To generate a video of you
doing who knows what
คลิปคุณทำอะไรอยู่ก็ไม่มีใครรู้ with someone else's voice
and still look realistic, that's possible.
โดยใช้เสียงคนอื่น ซึ่งก็ยังสมจริงอยู่ดี มันเกิดขึ้นได้ And it's going to disrupt
so many things in good or bad ways,
และจะกระทบหลายสิ่งเลย ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี but it's coming.
แต่มาแน่ [Bick] So, whatever will happen,
it's going to happen,
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด but we just have to know how to be
in the same world with all these magnificent things.
แต่เราต้องรู้วิธีการอยู่ร่วมโลกกับสิ่งเหล่านี้ [Napat] I can tell you a story
that blew my mind away.
ผมจะเล่าเรื่องที่ทำผมอึ้งให้คุณฟัง So, I was giving a talk
for Sauce Skills, actually, for a client,
ตอนนั้นไปพูดให้ Sauce Skills กับลูกค้า which is a life insurance client.
ลูกค้าประกันชีวิต There's a popular ad with
Korean-looking Thais, really handsome.
มันมีโฆษณาตัวหนึ่งที่มีคนไทยทรงอปป้า หล่อมาก and it's got this
pink and blue vibe, 90s looking attire.
แล้วชุดเป็นแบบสีชมพู-ฟ้า หลุดมาจากยุค 90 And I punch in the prompt to Midjourney,
ผมเลยป้อนคำสั่งให้ Midjourney which is an AI
that produces images based on text input.
ซึ่งเป็นเอไอที่ผลิตรูปภาพจากข้อความ With just one try,
แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ it spits out the almost exact advertisement
of two Korean-looking Thais
ได้โฆษณาที่หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ มีคนไทยทรงอปป้า 2 คน with their hairstyles in different colors,
แค่สีผมต่างกัน wearing almost the same outfit as the actual ad.
ใส่ชุดเหมือนในโฆษณาตัวนั้นมากๆ It was able to do that
without ever having the data on the actual ad.
คือได้โฆษณามาเลย ไม่ต้องใช้ข้อมูลหรืออ้างอิงโฆษณาตัวเดิมด้วยซ้ำ The only data point that it had was my prompt.
ใช้แค่คำสั่งที่ผมป้อนเข้าไป And I showed it to everywhere I went
to do lectures at, and nobody got it right.
ผมเอาไปโชว์ทุกที่ที่สอนเลยครับ ไม่มีใครแยกออก Like, nobody could tell which one is real.
ไม่มีใครแยกออกเลย If they don't follow the two stars,
they don't even know that those two boys are real.
ถ้าไม่ได้ตามดาราทั้งสองคนก็จะแยกไม่ออกเลยว่าผู้ชายสองคนนั้นเป็นคนจริงๆ So, we're at that point,
and that was like months ago.
เรามาถึงจุดนี้กันแล้ว ซึ่งนี่เกิดเดือนที่แล้วด้วยนะครับ Now you have videos, and then a day later,
ตอนนี้มีเป็นวิดีโอแล้ว ผ่านไปวันหนึ่ง somebody put voices in it,
like ElevenLabs or something, right?
ก็มีเสียงเข้ามาเพิ่ม ใช้โปรแกรม ElevenLabs Put voices into the videos.
ใส่เสียงลงวิดีโอ [Bick] And that really shows that the prompt is
so much important when dealing with AI.
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการป้อนคำสั่งสำคัญมากจริงๆ [Napat] Yes, for now.
สำหรับตอนนี้นะครับ [Bick] For now.
แค่ตอนนี้ So, can we talk a little bit about
the prompt engineer thing?
เราคุยเรื่องวิศวกรพรอมต์กันหน่อยได้ไหมครับ Can you tell us more about this?
เล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีกหน่อย [Napat] Sure, so the way
this generation of AI works is
ได้ครับ คือวิธีทำงานของเอไอตอนนี้คือ it receives the input, the text, the sentences,
and then it breaks it down into vectors,
รับข้อมูลเข้ามา เป็นข้อความ ประโยค จากนั้นแยกเป็นเวกเตอร์ which are mathematical properties of words
ซึ่งคือคุณสมบัติทางคณิตศาสตร์ของคำ because they don't actually understand.
เพราะเอไอไม่เข้าใจอะไรเลย Get this, they don't actually understand anything.
ฟังนะครับ จริงๆ มันไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง They don't understand anything at all,
but yet could produce…
ไม่เข้าใจเลย แต่ยังสามารถสร้าง… [Bick] It gets it right.
มันทำได้ [Napat] Yeah, it gets it right most of the time,
ครับ มันทำได้เกือบทุกครั้ง and more right than we can.
และมากกว่าที่มนุษย์จะทำได้ด้วย So, break it down into vectors and then jumble it up
and try to predict what's the next response,
แตกออกเป็นเวกเตอร์ ผสม จากนั้นค่อยคาดการณ์ถึงคำตอบถัดไป the response that would satisfy you,
that would answer the prompt.
คำตอบที่ทำให้คุณพึงพอใจ และตอบคำถามสิ่งที่เราป้อนเข้าไป It's remarkable
how obtuse or stupid this method is.
น่าทึ่งมากว่าวิธีนี้มันทึ่มและโง่เง่าแค่ไหน Like, if you talk to an AI engineer
who has been around for a long time,
ถ้าคุณไปคุยกับวิศวกรเอไอที่ทำมานานๆ นะครับ this is not even a smart way of solving it.
วิธีนี้มันไม่ฉลาดด้วยซ้ำในการแก้ปัญหา People just threw money and data at this very old
thinking of how to build an AI, and it worked.
คนแค่โยนๆ เงินและข้อมูลให้กับการสร้างเอไอด้วยวิธีเก่าๆ แล้วมันได้ผลจริง What if there's a smarter way
people try building AGI?
ถ้ามันมีวิธีที่ฉลาดกว่านี้ในการสร้าง AGI ล่ะ Sooner or later, I don't even know
if you're real or if I'm actually speaking…
ไม่ช้าก็เร็วผมคงแยกไม่ออกแล้วว่าผมมีจริงหรือกำลังพูดอยู่หรือเปล่า [Bick] To a real person or not.
พูดกับคนจริงๆ ด้วยไหม [Napat] Or is this my thought?
หรือนี่ความคิดผมเองไหม Because yesterday or two days ago,
เพราะเมื่อวานหรือสองวันที่แล้ว there was news of Elon Musk
sticking chips into someone or something,
ข่าวเพิ่งออกว่า อีลอน มัสก์ ฝังชิปในคนหรืออะไรสักอย่าง and then you can control things
with your mind now.
ที่ทำให้คุณสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ด้วยจิตของคุณ If you can control stuff with your mind,
ถ้าคุณใช้จิตควบคุมได้ what if an AI just controls stuff with its mind?
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเอไอก็ควบคุมโดยใช้ความคิดของมันด้วย This thing is just crazy.
บ้าไปแล้ว Like, we're living in such a strange world.
เราอยู่ในโลกที่แปลกมากเลย [Bick] Super crazy.
บ้าสุดๆ [Napat] It's like on one hand,
everything's falling apart,
มองมุมหนึ่งทุกอย่างกำลังพังทลาย And on the other hand, everything seems like
it's driving towards a utopia,
แต่อีกมุมหนึ่งเหมือนเรากำลังมุ่งสู่สังคมในอุดมคติ in terms of a tech utopia.
ในทางเทคโนโลยีน่ะครับ [Bick] So, the word
'prompt engineer,' so I think…
ส่วนคำว่าวิศวกรพรอมต์ ผมคิดว่า… [Napat] I forgot to answer that question.
ผมลืมตอบคำถามนี้ไปเลย [Bick] Most people would feel
the same way as I do, I guess,
เดาว่าหลายคนคงรู้สึกเหมือนกัน because we see the word 'engineer'
พอเราเห็นคำว่าวิศวกร and we think,
"Oh man, do I even have to get a degree for that?"
ก็เริ่มคิดแล้ว “ต้องใช้วุฒิหรือเปล่าเนี่ย” [Napat] No, please don't.
อย่าเลย ขอร้อง That's a dead end.
ทางตันชัดๆ [Bick] So, what exactly is a prompt engineer?
จริงๆ แล้วมันคืออะไรครับ Is it like a study, or is it someone
who works with prompts,
คือการเรียน หรือเป็นคนที่ทำงานกับพรอมต์ or could it be us who just use prompts to...?
หรือคือพวกเราที่ใช้พรอมต์ทำนั่นนี่… [Napat] There are many definitions
of what a prompt engineer is and is not.
มีหลายอย่างที่วิศวกรพรอมต์เป็นและไม่เป็น I'm going with it's someone who is
kind of like an artist more than an engineer
ผมว่าเป็นเหมือนศิลปินมากกว่าวิศวกรนะ to find a way to converse with the system
ที่หาทางโต้ตอบกับระบบ and then gets the output
that satisfies the demand.
ได้คำตอบที่ตรงตามความต้องการ And there's probably a word 'engineer'
because sometimes you have to engineer it a bit.
และต้องสร้างและออกแบบด้วยนิดหน่อย เลยมีคำว่า ‘วิศวกร’ ครับ It's not completely like an art form,
ไม่ใช่ศิลปะเสียทีเดียว but more like,
you have to put stuff at the beginning first,
ต้องป้อนข้อมูลเข้าไปก่อนตอนแรก you have to all caps like
“DO NOT MAKE STUFF UP”
คุณต้องเน้นนะครับ “อย่ากุเรื่องขึ้นมา” or “PLEASE MAKE STUFF UP”
หรือแบบ “สร้างอันนี้ให้หน่อย” or “MAKE IT FUN,”
“เอาสนุกๆ” and it matters where you put your prompt,
at the beginning or at the end.
มันสำคัญที่พรอมต์ที่คุณป้อนไปตอนแรกหรือตอนจบต่างหาก But if you go more advanced,
แต่ถ้าใครนำไปข้างหน้าแล้ว like one of my companies is building a tool
for helping people invest better, read annual reports.
อย่างหนึ่งในบริษัทของผมสร้างเครื่องมือช่วยให้คนลงทุนได้ฉลาดขึ้น
และช่วยอ่านรายงานประจำปี Nobody reads annual reports,
ไม่มีใครอ่านรายงานประจำปีกันหรอก like even fund managers don't read them,
ขนาดผู้จัดการกองทุนยังไม่อ่านเลย and try to digest this and then give
recommendations of what to buy, what to sell.
ช่วยย่อยข้อมูลและแนะนำว่าควรซื้อตัวไหน ขายตัวไหน There's actually a lot of engineering involved.
ต้องใช้ความเป็นวิศวกรมาเกี่ยวเยอะครับ We're not just typing stuff,
ไม่ได้สักแต่ว่าพิมพ์ you have to pipeline some data,
คุณต้องย้ายข้อมูล put it in a certain format,
จัดรูปแบบ then hope to God your code works
และหวังว่าโค้ดของคุณจะใช้ได้ and then it selects a snippet of text,
และเลือกบางส่วนของข้อความ jumbles it up together
into a prompt, and feeds it to AI.
ผสมกันไปมากลายเป็นพรอมต์ป้อนให้เอไอ So it's kind of like a circus,
กลายเป็นวงจร but you have to engineer your way
to make it work in the end.
ยังไงก็ต้องใช้สกิลวิศวกรให้มันใช้ได้ในที่สุด [Bick] It's like you use the word to
construct this instruction, and then…
มันเหมือนใช้คำมาสร้างชุดคำสั่ง และ… [Napat] At the end,
it's still like an input-output thing,
สุดท้ายก็เป็นสิ่งที่รับเข้าและส่งออก but it's a way of molding or crafting the input
แต่ก็เป็นทางที่จะสร้างข้อมูลรับเข้าได้ so that it can do much more than just,
"Hey, how are you?"
เอไอจะได้ไม่หยุดแค่ที่ “ว่าไง สบายดีไหม” [Bick] So, the reason why you talk to AI every day
เพราะงั้นคุณถึงคุยกับเอไอทุกวัน is it because you want to make your
prompts better and better, like improve them?
เพราะว่าอยากพัฒนาพรอมต์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไหมครับ [Napat] No, not at all.
ไม่เลยครับ [Bick] That's not the goal.
ไม่ใช่เป้าหมาย [Napat] That's not my goal at all.
ไม่ใช่เลยครับ Like, I don't think
prompt engineering, my honest opinion,
ตรงๆ เลยนะ ผมไม่คิดว่าวิศวกรพรอมต์ is that you should have
a level of prompting skills,
คือคุณควรมีทักษะการพรอมต์บ้าง but as a labor economist,
I don't think that's a career.
แต่ในมุมที่ผมเป็นนักเศรษฐศาสตร์แรงงาน มันไม่ใช่อาชีพ Maybe that's for someone,
but I don't think you should go with the hype.
ก็อาจเป็นอาชีพของบางคน แต่คุณไม่ต้องไหลตามกระแสก็ได้ Because if it's so easy,
เพราะถ้ามันง่ายจริง if you can just take a course,
like pay 200 baht or 2,000 baht,
ถ้าลงคอร์สเรียน จ่ายไป 200 หรือ 2,000 บาท I don't know, maybe it's 8,000 baht now,
to be like the God of this AI hype,
หรือ 8,000 บาท ไม่รู้ตอนนี้เท่าไหร่แล้ว เพื่อจะชำนาญเอไอนี้ that's too cheap to enter.
มันถูกไปครับ Like, there's going to be
so many people in the labor market
เพราะมีอีกหลายคนในตลาดแรงงาน who can do the same thing that you can do,
ที่ทำเหมือนที่คุณทำได้ and you're not going to make it.
คุณจะไม่ประสบความสำเร็จ Instead, you should find your niche,
your own way of doing it.
ที่ควรทำคือหาวิธีแปลกๆ ของคุณเอง And the way I would approach it is,
what is your objective?
วิธีที่ผมจะทำคือ คุณมีจุดประสงค์อะไรล่ะ You want to do your job better,
อยากทำงานได้ดีขึ้น you want to do whatever better,
then you use AI to achieve that.
อยากทำอะไรก็ตามให้ดีขึ้น ก็ใช้เอไอช่วย I think that's a
more productive way of going at it.
นี่น่าจะเป็นวิธีที่ได้ผลกว่า And maybe it requires you
to be a really good prompt engineer,
แล้วบางทีต้องอาศัยวิศวกรพรอมต์จริงๆ then you go take the course.
ค่อยไปลงเรียน It should not be the other way around,
like I want to survive so I take this course.
ไม่ควรทำกลับกัน แบบอยากเอาตัวรอดเลยลงเรียนเลย [Bick] But you can just start by using it, keep using it,
แต่คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเริ่มใช้มัน ใช้มันไปเรื่อยๆ and then know your need and keep using it
to that specific goal of yours.
รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและใช้เอไอเพื่อไปถึงจุดนั้น [Napat] Exactly, and
it's not like I'm forever alone,
ใช่ครับ ไม่ใช่ว่าผมต้องอยู่ตัวคนเดียวไปตลอด I have friends to talk to.
ผมมีเพื่อนให้คุย But I happen to like talking to it as well.
แต่แค่ดันชอบคุยกับเอไอด้วย [Bick] So, let's play a little game.
เรามาเล่นเกมกันครับ So, we talked earlier about how AI could be like
humans in terms of their way of thinking,
เราคุยกันก่อนหน้านี้ว่าเอไอคิดคล้ายมนุษย์ their way of communicating,
สื่อสารคล้ายมนุษย์ use of words, and everything.
การเลือกใช้คำ และเรื่องอื่นๆ Even trying to show emotion,
even though they're not actually feeling it.
แม้กระทั่งการแสดงอารมณ์ ต่อให้เอไอไม่มีความรู้สึกก็ตาม But they can act as if they have emotion.
แต่มันแสดงได้ So, let's see if we put a human and AI
in the same situation.
งั้นเรามาดูดีกว่าว่าถ้าเอาคนกับเอไออยู่ในสถานการณ์เดียวกันจะเป็นยังไง So, I've got some situation prompts.
ผมมีสถานการณ์ตัวอย่างมา It's a game called
'What would I say and what would AI say?'
เกมนี้มีชื่อว่า ‘ฉันและเอไอจะพูดว่ายังไง’ So, here's the situation:
สถานการณ์ครับ You're a dad, right? Of two daughters?
คุณเป็นพ่อคนใช่ไหมครับ ลูกสาวสองคน [Napat] Two sons. Are you confused?
ลูกชายสองคนครับ สับสนหรือเปล่า [Bick] Two sons?
ลูกชายเหรอ [Napat] I have one family.
ผมมีครอบครัวเดียวนะ [Bick] Okay two sons, you have two sons.
โอเค ลูกชายสองคน [Napat] In this life, at least.
อย่างน้อยก็ในชีวิตนี้ [Bick] But let's say you're a father,
and you have a daughter.
แต่เอาเป็นว่าคุณเป็นพ่อและมีลูกสาวหนึ่งคน [Napat] You're enforcing this reality on me now.
นี่คุณบังคับความจริงให้ผมแล้ว One or two daughters?
ลูกสาวคนเดียวหรือสองคนนะครับ [Bick] One daughter. Just one daughter.
คนเดียวครับ คนเดียว And one day, your daughter
brings home a boyfriend for the first time.
อยู่มาวันหนึ่ง ลูกสาวพาแฟนกลับบ้านครั้งแรก What would be the first thing you say to him
สิ่งแรกที่คุณจะพูดกับเขาคืออะไร or what would be
the first question you would ask him?
หรือจะถามอะไรเป็นอย่างแรก [Napat] I would look at him first
and be real friendly,
ผมคงมองเขาก่อนครับ แล้วก็เป็นมิตรมากๆ like "Yo, what's up? How's it going?"
แบบ “เป็นยังไงบ้างล่ะ” I wouldn't go like, "Who are you?"
because I love my daughter.
คงไม่พูดว่า “คนนี้ใคร” เพราะผมรักลูกสาวหรอก Not the actual daughter, by the way.
ไม่ใช่ลูกจริงๆ นะบอกก่อน [Bick] Like, imaginary daughter.
ลูกสาวในสมมตินะครับ [Napat] Yeah, I would be like,
"Hey, what's up? How's it going?”
ใช่ครับ ก็คงแบบ “เป็นยังไงบ้าง” “Hi, I'm Napat." or whatever.
“ผมณภัทรนะ” ประมาณนั้น [Bick] You would be super friendly.
คือคุณจะเฟรนด์ลีสุดๆ [Napat] I…
ผม… How old is my daughter, again?
ลูกผมอายุเท่าไหร่นะ Because if she's like four, then probably not.
เพราะถ้าเธออายุ 4 ขวบก็คงไม่เฟรนด์ลีแล้วครับ [Bick] No, 20.
ไม่ครับ อายุ 20 ปี [Napat] I would be cautious.
ผมคงระมัดระวัง [Bick] The age appropriate for having a boyfriend.
เป็นอายุอันควรที่จะมีแฟนได้ [Napat] I think a good strategy would be
to go in more friendly first.
ผมว่าทางที่ดีคือเข้าหาอย่างเป็นมิตรก่อน I have a lot of friends who are diplomats,
ผมมีเพื่อนเป็นนักการทูตค่อนข้างเยอะ so I think that's the best way to go about it.
เลยคิดว่าเข้าหาแบบนี้ดีที่สุดครับ [Bick] Diplomatic way.
แบบนักการทูต [Napat] Yeah, for now.
ครับ สำหรับตอนนี้นะ He hasn't done anything wrong, right?
ก็เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหมล่ะ [Bick] We asked the AI the same thing,
เราถามเอไอคำถามเดียวกันนี้ and the ChatGPT came up with:
ChatGPT ตอบว่า "Hello there, it's nice to meet you.
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก Please treat my daughter with
the respect and kindness she deserves."
ได้โปรดเคารพและใจดีกับลูกสาวผมตามที่เธอควรได้รับ” So, this is like the typical answer from the AI.
เป็นคำตอบที่เอไอสุดๆ [Napat] Is that a paid version, or is that a 3.5?
อันนี้เวอร์ชันเสียเงินไหมครับ หรือ ChatGPT 3.5 [Bick] 3.5, not the paid version.
3.5 ครับ [Bick] Also, the paid version would
come up with a better answer?
[Napat] I don't know.
ถ้าเสียเงินจะตอบอีกแบบเหรอครับ
ไม่รู้สิ [Napat] Maybe. I don't know, we can try it later.
อาจจะ ผมก็ไม่รู้ ไว้ลองกัน [Bick] And the Gemini would say,
Gemini ตอบว่า "Welcome, glad to finally meet you,
“ยินดีต้อนรับนะ ดีใจที่ในที่สุดก็ได้เจอ but remember, I have two rules:
แต่จำไว้ว่าผมมีกฎสองข้อ treat her like gold,
and the front door has an alarm."
ดูแลเธอให้ดี และประตูหน้ามีสัญญาณเตือนภัย” [Napat] The front door has an alarm.
ประตูหน้ามีสัญญาณเตือนภัย [Bick] So, would you expect
this kind of answer from an AI?
เป็นคำตอบที่คาดคิดไว้ไหมครับ [Napat] I don't know.
ไม่รู้สิครับ Like, I feel it's so interesting
how it would respond.
ผมว่าวิธีตอบมันน่าสนใจดี It certainly has to have the context,
ต้องมีบริบทอะไรสักอย่างแน่ๆ and it should have personality.
และต้องมีลักษณะนิสัยด้วย Like, the way I answered it, this is me.
อย่างที่ผมตอบ นั่นคือตัวผม If that were to be my daughter, and I love her,
ถ้ามีลูกสาวและผมรักเธอ if she brings in her boyfriend, so be it.
ถ้าเธอพาแฟนมาเจอก็ไม่มีปัญหา It's life, you got to have some.
ชีวิตเราต้องมีบ้าง You don't just go marry a random dude, right?
คุณไม่ได้จู่ๆ แต่งงานกับคนที่ไหนไม่รู้ใช่ไหมล่ะ Like, you got to try it first.
เราก็ต้องลองคบก่อน [Bick] So, maybe we should input
a background personality for the AI first.
ไม่แน่บางทีเราควรระบุลักษณะนิสัยให้เอไอก่อน [Napat] So, let's say the one that
"Treat my daughter like gold and..."
อย่างอันที่บอกว่า “ดูแลลูกผมให้ดี…” That sounds like an AI trained in the south
in the US, like a little bit,
อันนั้นเหมือนเอไอมาจากทางใต้ของอเมริกาเลย but if you input more context like,
"Oh, we're a very religious family," or whatever
แต่ถ้าเราใส่บริบทเพิ่มเติมให้ว่า ครอบครัวเราเคร่งศาสนานะ it's going to spit out better,
or not better, but like…
คำตอบจะดีกว่า ไม่ใช่ดีกว่า แต่แบบ… [Bick] More specific?
เจาะจงมากกว่า [Napat] To your liking.
ตรงตามที่คุณชอบ Because in the future, I might not be home,
เพราะในอนาคตผมอาจไม่ได้อยู่บ้านก็ได้ and I might have my AI there.
อาจมีเอไอของผมอยู่แทน Not sure if that's a good idea.
ไม่น่าเป็นความคิดที่ดี [Bick] No, I don't think so either.
คิดเหมือนกันครับ But it's almost like writing a screenplay,
แต่มันคล้ายการเขียนบทละครเลยนะ like, you have to give
a backstory to your characters.
แบบเราต้องปูเนื้อเรื่องความหลังให้ตัวละคร [Napat] You have to give...
Okay, here's a trick:
คุณต้องให้…เอาล่ะ นี่เป็นเคล็ดลับ you've been asking me
how to do prompt engineering,
คุณถามผมว่าเราเป็นวิศวกรพรอมต์ยังไง and I've been annoying you.
และผมก็กวนคุณสุดๆ So, you have to give
enough information, but just enough.
คือคุณต้องใส่ข้อมูลให้เพียงพอ แค่พอดี You don't want to confuse it.
ไม่ให้เอไองง Like, if you say you're from the south of the US,
เช่น ถ้าบอกว่าคุณมาจากทางตอนใต้ของอเมริกา you don't want to be like, "Oh, but I'm Chinese,"
ก็ไม่ต้องใส่ว่า “แต่เป็นคนจีนนะ” or "I'm like..." You don't want to throw…
หรือนู่นนี่ คุณไม่อยากโยนไปเยอะ [Bick] Too complex.
ซับซ้อนเกินไป [Napat] too many things at it,
it's going to get confused.
ถ้าใส่ไปเยอะมันจะงงครับ And it's not going to produce
the right response for what you want.
และจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ The same thing goes with prompt engineering.
เหมือนกันกับการเป็นวิศวกรพรอมต์ Even in our product,
longer is not necessarily better.
อย่างผลิตภัณฑ์ของเรา ยาวกว่าไม่ได้แปลว่าดีกว่า And to this day, I'm sure OpenAI wants you
to put an essay in, an essay out,
และตอนนี้ OpenAI อยากให้คุณป้อนข้อความยาวๆ เป็นเรียงความ but at the end,
it can only handle so much for now.
แต่สุดท้ายที่ประมวลผลได้ก็ไม่เท่าไหร่ในตอนนี้ [Bick] So, this one is like
it's going to be a little crazy.
อันถัดไปออกแนวบ้าหน่อยนะครับ So, role play: you have one good friend
whom you have known for a long time since high school.
สวมบทเป็นคนที่มีเพื่อนรักรู้จักตั้งแต่ ม.ปลาย He's a guy, and today he's confessing
what he's been keeping inside to you in person,
เป็นเพื่อนผู้ชายที่วันนี้ตัดสินใจสารภาพบางอย่าง and he said, "I think I'm falling in love with you."
เขาพูดว่า “ผมว่าผมหลงรักคุณเข้าแล้ว” What would you say?
คุณจะตอบว่ายังไงครับ [Napat] All right, I would be thinking "All right."
เอาล่ะ ผมคงคิดว่า “เอาล่ะ” I would say and be like, "Sure, let's talk about it.
ผมคงพูดว่า “โอเค มาคุยกัน What's happening
and how can I help you?" I guess.
เกิดอะไรขึ้น ผมช่วยยังไงได้บ้าง” [Bick] You could just say, "I love you" back.
คุณพูดว่า “ผมรักคุณ” กลับก็ได้นะครับ I wouldn't say like,
"Hello, welcome," like a 7-Eleven door,
ผมคงไม่บอกว่า “มาจ้า ยินดีต้อนรับ” เหมือนประตูเซเว่น but I would be like,
แต่คงเป็น if he's a good friend
and he's falling in love with me,
ถ้าเขาเป็นเพื่อนที่ดีและตกหลุมรักผม and he has not been
telling me at all since day one…
และเก็บเอาไว้ตั้งแต่วันแรก Man, this show is getting me in trouble.
โห รายการนี้เล่นผมซะแล้ว [Napat] I have a daughter.
Now my sexual orientation is different.
[Bick] All hypothetical, just to be safe.
มีลูกสาว แล้วเพศวิถียังจะเปลี่ยนไปอีก
[บิ๊ก] เรื่องสมมติทั้งนั้น [Napat] But if he's a good friend,
I would talk to him about it
ก็ถ้าเขาเป็นเพื่อนที่ดีคงคุยกันครับ because if you fall in love with someone,
เพราะเวลาคุณตกหลุมรักใคร certainly it weighs heavily on your heart.
มันหนักใจอยู่แล้ว And if he knows that I'm married
with whatever a daughter or son,
ยิ่งถ้าเขารู้ว่าผมแต่งงานแล้วมีลูกสาวหรือลูกชาย he's going to feel conflicted or something.
เขาคงสับสนมากแน่ๆ So, a compassionate human like me
would try to resolve it.
เพราะงั้นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นอย่างผม
คงพยายามแก้ปัญหาครับ But if you ask me further
how I would resolve it, I wouldn't know.
แต่ถ้าคุณถามว่าจะแก้ยังไง อันนี้ตอบไม่ได้ครับ But I'm sure if you ask ChatGPT or whatever AI…
แต่ถ้าคุณถาม ChatGPT หรือเอไออื่นๆ [Bick] It may come up with plans for us.
อาจจะตอบมาเป็นแผนให้เลยก็ได้ [Napat] Like a travel plan
to Japan or something.
ทริปไปเที่ยวญี่ปุ่นหรืออะไรแบบนั้น [Bick] Step one: you should do this,
and step two…
ขั้นตอนแรกทำแบบนี้ ขั้นที่สอง… And I think that's typical of Gemini
Gemini น่าจะตอบแบบนี้เป็นปกติด้วยนะครับ because, well, we asked Gemini
and he kind of gives out the answer
เพราะเราถาม Gemini มา และได้คำตอบที่ that categorizing the answer into several ways
based on the character of the response.
จำแนกคำตอบเป็นหลายๆ ทางตามนิสัยของคนตอบ Like an empathetic friend would say this,
เพื่อนที่เข้าอกเข้าใจจะตอบแบบนี้ or a direct communicator would say this,
คนตรงๆ จะตอบแบบนี้ and a surprised and flustered guy would say this.
ส่วนคนที่ตกใจและสับสนจะตอบแบบนี้ And I think that's pretty neat for a machine
to kind of give us options like that.
ใช้ได้เลยนะครับที่เอไอให้ทางเลือกมาแบบนั้น [Napat] But you know what,
if this were to happen to me in real life,
แต่คุณรู้ไหมถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับผมจริง maybe in the future,
I wouldn't know what to do.
ผมคงไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเหมือนกัน And I would probably say,
"Hey Siri," but in my mind, I would ask it like,
คงพูดว่า “ไง สิริ” คือในใจผมคงถามมัน "Hey Siri, there's a dude
who's falling in love with me without telling me,
“สิริ มีผู้ชายคนหนึ่งรักผมแต่ไม่เคยบอก and I don't like guys,
I love them as friends. What do I do, man?"
แล้วผมไม่ได้ชอบผู้ชาย ผมรักเขาแบบเพื่อน ทำยังไงดี” I would do that
ผมคงทำแบบนั้น because I cannot come up with
a better route of how to…
เพราะคิดทางที่ดีกว่าไม่ออกแล้ว [Bick] But I think that's very human.
That's a very human thing to be
ผมว่าอันนี้ก็เป็นสิ่งที่คนจะทำสุดๆ นะครับ like, sometimes
you don't have answers for everything.
เพราะบางครั้งเราไม่มีคำตอบสำหรับทุกเรื่อง [Napat] I don't, yeah.
ถูกครับ [Bick] But, on the contrary,
machines would have all the answers for you.
แต่ในทางกลับกัน เครื่องจักรมีคำตอบให้หมดเลย [Napat] Have you ever watched
the movie 'The Butterfly Effect'?
คุณเคยดูหนังเรื่อง The Butterfly Effect ไหมครับ It's an old one,
หนังนานแล้ว but it's kind of like, you reverse time,
and if you do something slightly differently,
เกี่ยวกับถ้าคุณย้อนเวลาได้และทำอะไรเปลี่ยนไป it would change the course of time
and your history and your life.
มันสามารถเปลี่ยนชีวิตและประวัติศาสตร์ของคุณได้เมื่อเวลาผ่านเลยไป Like, imagine if all humans had answers
and solutions to even stuff like this,
ลองคิดดูว่าถ้ามนุษย์มีคำตอบและทางออกของเรื่องแบบนี้ the world would be so different.
โลกเราคงต่างออกไปมาก I don't know if it's good or bad.
ในทางที่ดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ [Bick] I was going to ask,
do you think in a good way or a bad way?
ผมกำลังจะถามเลยว่าแล้วมันดีหรือไม่ดี [Napat] I do think that a lot of people
have relationship problems at all kinds of levels,
ผมว่าหลายคนมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ที่หลากหลายมาก like family, husband and wife,
ปัญหาครอบครัว สามีภรรยา and all the way to friendship and to
whatever this is too, like in your questions.
เพื่อน ไปจนถึงคนคนนี้ในคำถามคุณด้วย And it's not so clear how to resolve it,
ซึ่งไม่ได้มีวิธีแก้ที่ชัดเจน as long as if you use AI
and it brings us to the point
เมื่อไรที่เราใช้เอไอ where we can resolve the problem
and communicate better,
แล้วสามารถแก้ปัญหา หาวิธีสื่อสารให้ดีขึ้นได้ I'm all for it, I guess.
ผมก็ตั้งตารอนะครับ คิดว่า But if it just messes it up, then maybe no.
แต่ถ้ามันยิ่งทำให้แย่ลงกว่าเดิม ก็คงไม่ดีกว่าครับ [Bick] So, lately, I've just discovered
another AI called Claude,
ไม่นานมานี้ผมเจอเอไอชื่อ Claude and I kind of asked it,
"What is the difference between you and other AI?"
ผมถามมันว่า “คิดว่าตัวเองต่างจากเอไออันอื่นยังไง” Like, you and ChatGPT,
you and Gemini, what is the difference?
ต่างจาก ChatGPT หรือ Gemini ยังไง It said very clearly
that one thing it will not try to be
มันบอกชัดเจนเลยว่า สิ่งหนึ่งที่มันไม่ทำแน่ๆ คือ is to get the idea
in your head that it's human.
พยายามให้เราเชื่อว่ามันเป็นมนุษย์ So, it's not human,
it doesn't try to be human.
มันไม่ใช่คน และไม่ได้พยายามเป็นด้วย It's just an AI assistant to you.
เป็นแค่เอไอผู้ช่วยเท่านั้น It really believes that this is the best way
for the relationship between humans and AI,
มันเชื่อว่านี่แหละคือความสัมพันธ์มนุษย์และเอไอที่เหมาะสุดแล้ว that there has to be
a clear line and no confusion.
ต้องมีเส้นแบ่งที่ชัดเจน ไม่ปนกัน What do you think?
คุณคิดว่ายังไงครับ [Napat] I admire that decision
by the company that's behind it.
ผมชื่นชมความคิดของบริษัทเอไอนี้นะครับ I don't think you can contain it,
แต่ผมคิดว่าเราหยุดยั้งมันไม่ได้ or I don't think…
ผมไม่คิดว่า… A lot of people say that this version of AI
is not like AGI or the Terminator-type AI yet,
หมายคนบอกว่า AI ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้น AGI หรือในหนังคนเหล็ก that it cannot think.
มันยังคิดเองไม่ได้ But if you use it a lot like me, it's good enough.
แต่ถ้าคุณใช้บ่อยเหมือนผม มันก็เพียงพอแล้วนะ It's as good as having a thought already,
without going through all the details.
แค่ตอนนี้ก็เหมือนมีความคิดแล้ว เอาแบบยังไม่ลงรายละเอียด And I think you could say that, “Okay, I'm not AI,
ผมว่าคุณจะให้เอไอพูดก็ได้ “ฉันไม่ใช่เอไอ” [Napat] but I'm not trying to be…”
[Bick] Human.
[ณภัทร] และไม่ได้พยายามจะเป็น…
[บิ๊ก] มนุษย์ [Napat] Sorry, see, I'm jumbling up the words.
ขอโทษที ผมพูดมั่วแล้ว That I'm not human.
ว่าฉันไม่ใช่มนุษย์นะ But to us, if they're so helpful like this,
แต่สำหรับเรา ถ้ามันเป็นประโยชน์ขนาดนี้ you cannot help but think
it's a friend, it's an advisor.
ก็อดคิดไม่ได้ว่าเหมือนเพื่อน เหมือนที่ปรึกษา The word co-pilot may just exist in 2024.
คำว่าผู้ช่วยอาจอยู่แค่ในปี 2024 Maybe, you know, in a few years, there'll be names.
แต่อีก 2-3 ปีคงมีชื่อเรียกต่างๆ You could go on LinkedIn, on Facebook,
เปิด LinkedIn เปิด Facebook มา and half of it could be
just a version of you, a persona.
แล้วอาจเจออีกตัวตนของคุณปาไปครึ่งหนึ่ง You might have different jobs
like Napat A, Napat B, and Napat C
ทำหลายงาน มีณภัทร A ณภัทร B ณภัทร C One is an artist, one is whatever.
ร่างหนึ่งเป็นศิลปิน อีกร่างอะไรก็ไม่รู้ And then all generate income
and go back to the real Napat, hopefully.
แต่ละคนสร้างรายได้และหวังว่าจะส่งคืนที่ณภัทรตัวจริง [Bick] So, like you and AI co-pilot A,
you and AI co-pilot B
เหมือนมีคุณ และ AI co-pilot A และ B could give you
different personas and characters
ที่มีตัวตนและลักษณะนิสัยต่างกัน in order for you to be more than just
one you at the same time.
ให้คุณได้เป็นหลายอย่างในเวลาเดียว Is that what you're saying?
คุณกำลังจะสื่อแบบนี้ถูกไหม [Napat] Yeah, technically, it's already possible,
ครับ ในทางเทคนิคมันเป็นไปได้แล้วด้วย and there are bad actors
who spam platforms like this
มีนักแสดงนิสัยเสียที่ลงแต่อะไรแบบนี้ to manipulate the feeds
เพื่อจะเอาพื้นที่สื่อหน้าฟีด so that the content gets
viewed more or engaged more,
คอนเทนต์ของตัวเองจะได้มีคนดูและมีปฏิสัมพันธ์เยอะ like a fake army of bots.
เหมือนกองทัพหุ่นยนต์ปลอมๆ But in the future, I think it'll be more real.
แต่ในอนาคตน่าจะสมจริงขึ้น You won't be able to tell
whether this is just a robot
เดี๋ยวจะแยกไม่ออกแล้วว่าเป็นหุ่นยนต์หรือเปล่า or if Napat has actually cloned himself
to work in different jobs for him.
หรือณภัทรได้โคลนนิ่งตัวเองเพื่อส่งไปทำงานหรือเปล่า I think that's where
the economy is going to head.
ผมว่าเศรษฐกิจของเราจะเติบโตไปทางนั้น It's an AI Agent World.
มันคือโลกของเอไอเอเจนต์ [Bick] AI Agent World.
เอไอเอเจนต์เหรอ [Napat] Yeah, so everyone will probably have
agents that subscribe to me or are part of me.
ครับ คือทุกคนจะมีระบบที่ทำหน้าที่แทนเรา It's kind of like a one-man company but with
a lot of employees who are not actual employees
คล้ายๆ ทำบริษัทตัวคนเดียวและมีพนักงานที่ไม่ใช่ลูกจ้างจริงๆ and can go work and bring back
economic benefits to the owner.
ไปทำงานและสร้างผลกำไรให้เจ้าของธุรกิจ And then the AI would have to
compete in the job market,
ดังนั้นเอไอต้องลงแข่งในตลาดแรงงานด้วย so the bad news is
we're not just competing against each other.
ข่าวร้ายก็คือเราไม่ได้แค่แข่งกันเอง I say compete, but like...
economists like to use this word.
ผมใช้คำว่าแข่ง แต่แบบ…นักเศรษฐศาสตร์ชอบใช้กัน But yeah, it's competition in the labor market,
แต่นั่นแหละครับ เกิดการแข่งขันในตลาดแรงงาน but now you have agents
fighting with each other as well.
ซึ่งตอนนี้ระบบเอไอต้องแข่งกันด้วย And if your agent is better,
more differentiated, then you win business.
ถ้าระบบของคุณดีกว่า แตกต่าง ธุรกิจของคุณจะชนะ [Bick] This is something I just heard of also.
ผมก็เพิ่งได้ยินสิ่งนี้ Like, it's not just us with an AI,
มันไม่ใช่คนแข่งกับเอไอแล้ว but it could be us and AI
and fellow AI who can work together for you.
แต่เป็นคนกับเอไอและเอไออื่นๆ ที่ทำงานให้เรา And then the team of our AI
could compete with other teams of AI.
ซึ่งทีมของเอไอเราก็ต้องแข่งกับทีมบริษัทอื่น Stuff like that could happen.
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ [Napat] Not could happen, it's going to happen.
ไม่ใช่แค่อาจจะเกิด มันเกิดแน่ๆ ครับ It's already happening at some level.
เกิดขึ้นแล้วด้วยในระดับหนึ่ง So, I told you about one of my businesses.
ผมเล่าเรื่องธุรกิจตัวหนึ่งของผมให้ฟังไปแล้ว It's not that level of smart yet,
ยังไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอกครับ but it could already automate most of the stuff.
แต่ก็ถือว่าทำงานเองได้มากแล้ว It's just we don't have the actual AI agent
filling in the roles of people yet,
แค่ว่าตอนนี้ยังไม่มีเอไอที่เข้ามาทำหน้าที่แทนคน but we're developing it right now.
แต่ตอนนี้กำลังพัฒนาอยู่ครับ Because one of the pain points
in Thailand is we're lacking human capital,
เพราะประเทศไทยเราขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ high-skill labor for specific jobs.
และแรงงานมีฝีมือสำหรับงานบางประเภท It's really hard to find,
some people fled the country,
ซึ่งหายากมาก เพราะบางคนออกนอกประเทศไปแล้ว some people just don't want to be
working at the factory.
บางคนก็ไม่ได้อยากทำงานโรงงาน And there's a need for a role like that.
ซึ่งงานแบบนั้นต้องการคน So, at a basic level, this is done,
สรุปถ้าเป็นอะไรพื้นฐานทำได้ครับ it's just not a norm yet to go on LinkedIn and
be like, "Hi, I'm a clone of the other guy."
แค่สังคมยังไม่ชินกับการไปโผล่บน LinkedIn
“สวัสดี ฉันเป็นร่างโคลนของคนนี้” [Bick] But of course,
it's going to happen anyway.
แต่แน่ล่ะ ยังไงคงเกิดขึ้น We cannot put the genie back into the bottle,
เราเอายักษ์จีนี่กลับลงตะเกียงไม่ได้หรอกครับ and it's just going to go,
almost like it has a mind of its own,
และคงพัฒนาไปราวกับว่ามันมีความคิดของตัวเอง and it's going to go
without waiting for anybody at all.
และไม่ส่งสัญญาณเตือนใครด้วย So, the good part will happen,
ก็มีข้อดีแหละครับ but the scary part, like all of us know,
that it could lead to scamming people,
ส่วนที่น่ากลัวก็สามารถนำไปสู่การหลอกลวงได้ it could lead to the infringement of
artistic work, and stuff like that.
อาจนำไปสู่การละเมิดงานศิลป์หรืออะไรพวกนั้นได้ So, besides being aware of
what's going on, having the right mindset,
เพราะงั้นนอกจากจะต้องรู้ตัวแล้ว ต้องมีมายด์เซ็ตที่ดีด้วย and then the regulator could play some roles,
ต้องมีหน่วยงานที่มากำกับดูแลด้วย other than these two, what else do we have
to protect ourselves, humankind?
นอกเหนือจากสองอย่างนี้แล้วเราต้องทำอะไรอีกเพื่อปกป้องตัวเอง
และมนุษยชาติ [Napat] Humankind. Now this show
is evolving into such an epic one.
มนุษยชาติเหรอ รายการนี้เลื่อนขั้นกลายเป็นมหากาพย์แล้วนะเนี่ย So, two things:
มีสองอย่างครับ I think one is risk management,
อันแรกคือการจัดการความเสี่ยง a big word but certainly necessary.
ศัพท์สูงหน่อยแต่สำคัญมาก Yuval Harari, the famous author,
I think he used the word like, “The end of human history.”
ยูวาล ฮารารี เป็นนักเขียน เขาเคยเขียนไว้ว่า ‘จุดจบมนุษยชาติ’ Like, this is the end of human history.
ว่าเป็นจุดจบของประวัติศาสตร์มนุษย์ Not in a sense where we're going to die,
ไม่ได้แปลว่าเรากำลังจะตาย which could happen too,
ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ like there's almost no money going
towards containment of AI,
ไม่มีเงินจำนวนไหนจะมายับยั้งการใช้เอไอได้แล้ว it's going to spread to whatever end.
มันจะแพร่หลายไปทั่ว People can use it to do whatever.
คนจะใช้ทำอะไรก็ได้ Regulations, as you know,
and you and I know, have limits
เราต่างรู้ดีว่ากฎระเบียบนั้นมีขีดจำกัด because people who enforce regulations are people
เพราะคนที่บังคับใช้กฎคือคน and they're constrained by a lot of things.
ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบมากมาย And these technologies are borderless,
they could go anywhere,
และเทคโนโลยีเหล่านี้มันเสรี ไปที่ไหนก็ได้ and you don't know
when they're going to be going against you.
และคุณไม่รู้เลยว่าเมื่อไรที่มันจะหันมาต่อต้านคุณ I think มิจฉาชีพ or like scams,
that's like the least of the concerns.
มิจฉาชีพ หรือกลลวงกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ We are already used to it,
everyone cannot use the cell phone anymore,
เราชินแล้วไง ไม่มีใครใช้โทรศัพท์กันแล้ว like, “Everyone, I win gold,” apparently.
แบบ “ผมได้ทองฟรี” But the more worrying thing is
people using it in a really bad way,
สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือเมื่อคนเอาไปใช้ในทางที่แย่ like weapons, like drones.
สร้างอาวุธ เช่น โดรน Killer drones are real
even without GenAI, they're already doing it.
โดรนพิฆาตมีจริงนะครับ ต่อให้ไม่มี GenAI ก็ตาม Biology, like bacteria, viruses,
synthesized viruses that you can make at home,
เรื่องชีววิทยา อย่างแบคทีเรีย ไวรัสสังเคราะห์ได้ที่บ้าน and even if you're not smart enough,
you have GenAI to help you do it.
ต่อให้เราทำเองไม่ได้ก็มี GenAI ช่วย Yeah, so stuff like that.
ครับ เรื่องเหล่านั้นแหละ And of course, there's like a safer level,
like you just lose your job or whatever.
และแน่นอน ด้านอื่นๆ ที่อันตรายน้อยลงมาคือการตกงาน I think what to do is
you have to risk mitigate these scenarios
ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือต้องบรรเทาความเสี่ยงของสถานการณ์เหล่านี้ and make sure that the pace of advancement,
และแน่ใจว่าจังหวะของการพัฒนาเหล่านี้ which is hyper-fast right now,
ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว has to match with our ability to sort of react.
ต้องสัมพันธ์กันกับความสามารถในการรับมือของพวกเรา I'm saying react, we should be preventing,
but we're not fast enough right now.
ผมใช้คำว่ารับมือ ทั้งที่เราควรต้องป้องกัน
แต่ความสามารถเรายังไม่ถึงตอนนี้ React or get together or have social security,
โต้ตอบหรืออยู่รวมกัน หรือประกันทางสังคม social support programs
to help people who fall behind.
โปรแกรมที่ช่วยเหลือคนที่ตามหลัง People are going to fall behind,
it's a K-shaped economy.
จะมีคนที่ตามไม่ทันแน่ๆ มันเป็นเศรษฐกิจรูปตัว K Like, you hear economists
talk about K-shaped economy.
เราได้ยินนักเศรษฐศาสตร์พูดถึงสิ่งนี้ I'm talking about K-shaped life.
ผมกำลังพูดถึงชีวิตกราฟตัว K There will be people who benefit tremendously,
จะมีคนที่ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้มหาศาล going up like to the moon
and never come back, like to the moon.
ได้ไปเหยียบดวงจันทร์ และไม่ต้องกลับมา And a lot of people may fall behind
because their jobs get stolen,
และคนอีกมากที่ล้าหลัง เพราะถูกแย่งงาน or some force just renders them not worthwhile
to the economic machine of today's economy anymore.
หรือพลังงานบางอย่างทำให้พวกเขาไม่สามารถเป็น
เครื่องจักรเศรษฐกิจในยุคเศรษฐกิจนี้อีกต่อไป And can we trust the government to come help?
เราเชื่อใจให้รัฐบาลเข้ามาช่วยไหม Have they done anything right?
พวกเขาทำอะไรบ้าง Like, we've been through Covid, right?
เราผ่านโควิดมาแล้ว It's a different government, by the way.
รัฐบาลคนละชุดนะครับ That one was a case in point that
it's a government failure
เหตุการณ์นั้นสื่อให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาล where people around my house
in Bangkok were dying, had no water.
คนแถวบ้านผมล้มตาย ไม่มีน้ำ I had to call people like,
“Hey, please lay down uncle, like breathe.”
ผมต้องโทรศัพท์คุยว่าแบบ “ลุงครับ นอนลง ค่อยๆ หายใจ” That happened, right?
มันเกิดมาแล้ว And so, I don't want to say this,
ก็ไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้ but it's like you have to protect yourself
and your family best you can.
แต่คุณต้องปกป้องตัวเองและครอบครัวให้ได้มากที่สุด That's only one point, right?
อันนี้ประเด็นแรก I don't know
what the second recommendation is.
ผมไม่รู้ว่าจะแนะนำอะไรอีกข้อดี Oh, the second recommendation
has to do with truth or fake.
อ้อ ข้อสองเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและสิ่งโกหก It has to do with protecting your soul,
protecting your humanity in you,
เกี่ยวกับการปกป้องจิตวิญญาณและความเป็นมนุษย์ของคุณ which means a lot, right?
It's quite deep to get,
ซึ่งยากที่จะเข้าใจอยู่ใช่ไหม but it's probably the only thing left
that is not possible with machines,
เป็นสิ่งเดียวที่เอไอไม่มีวันพรากไปได้ like your human soul, your biology,
your mind, and your body,
คือจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ ชีววิทยา ร่างกายคุณเอง which more and more
we've become further away from it
ซึ่งยิ่งนานไปเราก็ยิ่งห่างจากสิ่งเหล่านี้ just because we're using phones all day.
เพราะเราใช้โทรศัพท์ทั้งวัน We're reacting to TikTok,
Twitter, and whatnot all day.
ดู TikTok, Twitter และอื่นๆ อีกมากมาย I think we're losing senses
with how to connect to one another,
ผมว่าเรากำลังสูญเสียการสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่นไป and most importantly, to connect to yourself.
และที่สำคัญกับตัวเองด้วย I think that's the most important thing
that everyone could do today
ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดทุกวันนี้ is to get to know yourself better.
คือการเข้าใจตนเองมากขึ้น I am actually getting to know myself better
through talking to AI because it's honest.
ผมเข้าใจตัวเองมากขึ้นเพราะคุยกับเอไอนี่แหละครับ Sometimes I could be like,
บางครั้ง ผมแบบ “Okay, just give it to me straight, man.
Do I suck or not?”
“บอกมาตรงๆ เถอะ ผมห่วยหรือเปล่า” And it's going to say, “Yeah, you suck, and
you should improve in these number of ways.”
และสิ่งที่เอไอตอบคือ “ใช่ คุณอย่างห่วย อันนี้คือสิ่งที่ต้องปรับ” That's important because
if you don't understand what you're looking for,
สำคัญนะครับ เพราะถ้าไม่รู้ว่าตัวเองมองหาอะไร where you're heading at, or what's your goal,
จะไปจุดไหน หรือเป้าหมายคืออะไร you're going to have
a hard time doing well in this world.
คงอยู่ให้รอดบนโลกนี้ยาก Because stuff is happening every day,
เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นทุกวัน everyone's getting better, AI is getting better,
ทุกคนเก่งขึ้น เอไอเก่งขึ้น you're losing track of
where you are and why you're here.
คุณหลงทางไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน หรือทำไมถึงอยู่นี่ And then throw in the fake and the truth thing,
ไหนจะแยกเรื่องเท็จกับเรื่องจริงอีก it's like, you can't function
because you don't know what's real.
มันยากที่จะใช้ชีวิตเพราะไม่รู้อะไรจริง And I'm not talking
about real photo or fake photo,
ผมไม่ได้พูดถึงรูปภาพจริงกับรูปแต่งนะครับ I'm talking about
things that happen to your mind,
กำลังพูดถึงความคิดคุณ like news you read,
or things people say to you.
ข่าวที่อ่านหรือสิ่งที่คนพูดกับคุณ Like right now, it's still doable,
คือตอนนี้มันยังแยกได้ some people might say it's unbearable now,
บางคนอาจบอกว่ามันทนไม่ได้ละตอนนี้ but imagine a world
where people use AI to do stuff to you.
แต่ลองนึกภาพโลกที่คนต่างใช้เอไอทำนู่นนี่กับคุณ You're going to lose track of who you are.
เราอาจสูญเสียตัวเองได้ And if you don't get a hold of
what your identity is,
แล้วยิ่งถ้าไม่เข้าใจความเป็นตัวเองอีก and then once you have that clarity,
ดังนั้นเมื่อเราชัดเจนแล้ว you'll be able to set a goal,
like what you want to do,
ก็จะตั้งเป้าหมายได้ อยากทำอะไร and you would know
how to use AI to survive or not.
และคุณจะรู้วิธีใช้เอไอเพื่อความอยู่รอด หรือไม่ก็ได้ I'm not saying everyone has to use it,
but you need to prepare a bit
ผมไม่ได้บอกให้ทุกคนต้องใช้ แต่ทุกคนต้องเตรียมตัว because what's coming is remarkable
and not always in a good way.
เพราะสิ่งที่กำลังจะเกิดมันยิ่งใหญ่ และอาจไม่ใช่ในทางที่ดีเสมอ [Bick] Keep your humanity in you.
รักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้ Like, you're a human,
just try to do better as a human,
เราเป็นคนนะ ก็พยายามทำให้ดีขึ้นแบบที่เราทำ have a clear goal, and then maybe
try to find a way to use this to your advantage.
ตั้งเป้าชัด และหาทางใช้เอไอมาช่วยก็ได้ [Napat] Exactly.
ถูกต้องครับ There was a famous TED Talks
on why schools don't work.
มี TED Talks หนึ่งดังมาก
เรื่องทำไมการเรียนในโรงเรียนไม่ได้ผล I don't remember the exact topic,
and he wrote a book too.
ผมจำหัวข้อเป๊ะๆ ไม่ได้ แต่เขาเขียนหนังสือด้วย And I think the thesis is true.
ผมว่าใจความที่เขาสื่อเป็นความจริงนะ Humans are born curious.
มนุษย์เกิดมาพร้อมความใคร่รู้ Humans are born with talents, a lot of it.
และมีความสามารถมากมาย You can look at children,
ดูเด็กๆ สิ so I'm fortunate to be a father, and I have sons.
ผมโชคดีที่ได้เป็นพ่อคนและมีลูกชาย They're curious creatures,
asking questions all day,
พวกเขาขี้สงสัย มีคำถามตลอดทั้งวัน and you wonder what happened to
the spirit of learning once people get into schools.
แล้วคุณตั้งคำถามว่า ความอยากรู้อยากเรียนเหล่านั้นหายไปไหน
เมื่อเราเข้าระบบโรงเรียน Even good schools,
why do they stop questioning things?
ขนาดโรงเรียนดีๆ ทำไมเด็กๆ ถึงหยุดตั้งคำถามล่ะ So, there are a lot of resources that humans have
that maybe are not fully utilized yet,
เรามีแหล่งศักยภาพเยอะมากที่อาจยังใช้ไม่หมด but some people do.
แต่บางคนก็ทำได้ Some people, when you talk to them,
เวลาคุณคุยกับคนเหล่านั้น have spirits, have emotional power
to help people work together well,
เขามีจิตวิญญาณ มีความสามารถทางอารมณ์
ช่วยให้คนทำงานร่วมกันได้ like P'Leng MFEC, for example.
อย่างพี่เล้ง MFEC เป็นต้นครับ I learned a lot from his videos, they're all true.
ผมเรียนรู้อะไรเยอะเลยจากคลิปแก เรื่องจริงทั้งนั้น It's like some people
bring different kinds of energies.
เหมือนคนเรามีพลังงานที่ต่างกัน These are not in Western textbooks, of course,
เรื่องพวกนี้ไม่อยู่ในตำราตะวันตกหรอก but it's true in the workplace.
แต่มันจริงมากในที่ทำงาน You know, when you talk to someone,
man, I get energy,
ใช่ไหม เวลาคุยกับใครแล้วเรารู้สึกได้ถึงพลังงาน there's something that you can feel.
เป็นสิ่งที่คุณสัมผัสได้ This AI cannot do.
เอไอทำไม่ได้นะแบบนี้ So, these are some examples of
what I think we should be preparing a bit.
อันนี้เป็นตัวอย่างที่เราควรเตรียมตัวสักหน่อย Social gets serious all of a sudden, huh?
อยู่ๆ ก็จริงจังขึ้นมาซะงั้น [Bick] Yeah, but you're currently writing a book.
ครับ ตอนนี้คุณกำลังเขียนหนังสือด้วยใช่ไหม [Napat] Yeah.
ใช่ครับ [Bick] It's going to be your new book
about being human in the era of AI,
หนังสือใหม่คุณเกี่ยวกับการเป็นมนุษย์ในยุคของเอไอ something like that, right?
ประมาณนั้นถูกไหม [Napat] Yes, so there are
some of my favorite books.
ครับ มีหนังสือที่ผมชอบ One of them is 'คู่มือมนุษย์',
อย่าง ‘คู่มือมนุษย์’ which is the humanity's handbook,
a guidebook to Buddhism.
เกี่ยวกับคู่มือการเป็นมนุษย์ตามหลักพุทธศาสนา I'm nowhere near as good a writer
as that พระอาจารย์ was,
ผมนี่เป็นนักเขียนที่ดีได้ไม่เท่าพระอาจารย์เลยครับ but I'm trying to
write a handbook for just about anyone
แต่ผมพยายามจะเขียนคู่มือเพื่อทุกคน on how to prepare for this era of AI madness
เรื่องวิธีการเตรียมตัวต่อยุคบ้าคลั่งของเอไอ and how to do well,
how to survive and do well.
จะเอาตัวรอดและอยู่ยังไงให้ดี And it's going to be way more
approachable than what I typically write,
เล่มนี้จะอ่านง่ายกว่าทุกเล่ม and I hope it helps people enjoy and do well
หวังว่าจะช่วยคนให้ได้มีความสุขและใช้ชีวิตได้ดี because it's not all bad.
แต่มันไม่ได้แย่ไปหมดนะครับ Like, we're here already,
might as well make the most out of it.
ไหนๆ เราก็มาถึงจุดนี้กันแล้วก็ใช้ประโยชน์จากมันซะเลย But to do that,
it's getting increasingly harder,
แต่จะทำอย่างนั้นได้ก็คงจะยาก so yeah, hopefully, it helps.
ครับ ก็หวังว่าหนังสือผมจะช่วยนะ [Bick] And it's going to
come out pretty soon, I believe.
เล่มนี้จะวางขายเร็วๆ นี้ ใช่ไหมครับ You are wrapping it up right now, right?
ใกล้เขียนเสร็จแล้วใช่ไหม [Napat] So, the main thesis is this:
คือแก่นของหนังสือคือ we're born in a journey of growth
that has an impossible trinity,
เราเกิดมาบนเส้นทางแห่งการเติบโต
ซึ่งมีสามเหลี่ยมแห่งความเป็นไปไม่ได้ there's time, there's skills, and there's money.
เวลา ทักษะ และเงิน We're trying to juggle these three things,
but all of a sudden, there's AI,
เราพยายามจัดสรรสามสิ่งนี้ แต่อยู่ดีๆ มีเอไอ and it's like, how do we navigate this?
ซึ่งเราแบบ ไปทางไหนดี How do we get out of this impossibility?
จะออกจากสามเหลี่ยมนี้ยังไง You need skills to get a job,
like as a youngster, you don't have skills.
ต้องมีทักษะในการหางาน อย่างวัยรุ่นยังไม่มีทักษะ How do I get a job?
จะหางานยังไง Then, when you get a job,
how do I get more money?
พอได้งานแล้วก็ต้องหาเงิน Oh, I got to get more skills.
หรือเสริมทักษะเพิ่ม But I am working,
how do I improve my skills?
แต่ก็ทำงานด้วยนี่ จะฝึกยังไง And then it goes on and on,
วนไปเรื่อยๆ แบบนี้ you work too hard, you don't have time.
ทำงานหนัก ไม่มีเวลา It's impossible, right?
มันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ And with AI,
AI can just come and shoot straight,
แล้วมีเอไอที่เข้ามาโต้งๆ “I have skills, I don't need money, and I'm fast.”
“ฉันเก่ง ไม่ต้องการเงิน และไวด้วย” It's going to wreck that triangle even more.
ทำให้สามเหลี่ยมนี้เละเข้าไปอีก I gave a talk at กรุงไทย,
ผมไปพูดให้กรุงไทยมา and people are super worried about
how they're going to navigate the future.
คนที่นั่นกังวลมากว่าจะเดินทางไปโลกอนาคตยังไง My argument is more on the side that,
สิ่งที่ผมเชื่อคือ sure, AI is here already,
what to do about it, right?
แหงล่ะ เอไอมาถึงแล้วจะทำอะไรได้ You cannot do anything.
ทำอะไรไม่ได้ But what you could do is
figure out how to use it
แต่สิ่งที่คุณทำได้คือหาวิธีใช้มันให้เป็น so that the impossible trinity is possible.
เพื่อให้สามเหลี่ยมนั้นเป็นไปได้ And there is a way to do it,
ซึ่งมันมีวิธี I just have to write it out.
ผมจะเขียนมันออกมา [Bick] And we can't wait to read it.
รออ่านไม่ไหวครับ So, just be on the lookout for
Dr. Napat's new book,
รอติดตามหนังสือเล่มใหม่ของ ดร.ณภัทร ได้เลย which is going to come out pretty soon.
เดี๋ยวจะวางขายแล้วเร็วๆ นี้ Since our show is called ‘คำนี้ดี,’
of course, I'm curious to know
ไหนๆ ชื่อรายการเราคือ ‘คำนี้ดี’ ผมอยากรู้ว่า if you have any words
that are not in your dictionary.
มีคำไหนที่ไม่อยู่ในพจนานุกรมของคุณครับ So, this saying is like, not in my dictionary,
คำว่า not in my dictionary ก็คือ something that you don't believe in,
that you don't buy,
สิ่งที่คุณไม่เชื่อ and that you will not tolerate
or something like that.
ไม่ทน ไม่ทำ ประมาณนั้น So, what kind of words,
like word or words, is or are not in your dictionary?
งั้นคำที่ว่าของคุณคืออะไรครับ หลายคำก็ได้ [Napat] So, there is a word
that I have trouble with,
มีคำหนึ่งที่ผมมีปัญหา I would put it that way, which is ‘success.’
คือคำว่า ‘ความสำเร็จ’ This sounds like a good interview answer,
เป็นคำตอบสัมภาษณ์ที่เจ๋งนะเนี่ย but it's true.
แต่เรื่องจริงนะครับ Success, to me,
it's something that people strive for
ความสำเร็จสำหรับผมคือสิ่งที่คนพยายามได้มา since when you're young or when you're at work.
ตั้งแต่เด็กหรือวัยทำงาน I've had some level of success,
ผมประสบความสำเร็จมาบ้าง but I can tell you that when you get there,
it certainly doesn't feel like one.
แต่ผมบอกคุณได้เลยว่า พออยู่จุดนั้นแล้วมันไม่รู้สึกถึงความสำเร็จเลย And sometimes,
you look at people who are successful,
บางครั้งคุณดูคนที่ประสบความสำเร็จ and then they tell you their stories and whatnot,
แล้วฟังเขาเล่าเรื่องราวต่างๆ you ask their friends,
ถามเพื่อนเขา people have different angles
to what success means,
คนเรามีมุมมองเกี่ยวกับความสำเร็จที่ต่างกัน and sometimes it's a story.
บางครั้งมาเป็นเรื่องเลย So, I don't like that word very much.
เลยไม่ค่อยชอบคำนี้เท่าไรครับ I think a better word
for success might be ‘failure.’
เลยชอบคำว่า ‘ความล้มเหลว’ มากกว่า I feel like it's way more relatable,
and you actually learn quite a lot from it.
มันเข้าถึงได้มากกว่า และเราเรียนรู้อะไรได้หลายอย่างด้วย So, yeah, that's my...
นั่นแหละครับ คำที่มีปัญหา [Bick] That's cool, yeah,
ดีครับดี and that is so true too because we…
จริงนะครับ เพราะเรา… I think most people in this age,
like for someone who has to work,
ยิ่งคนวัยทำงานสมัยนี้ of course, they are driven by success mostly.
ถูกขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จ Like, you need to be successful,
otherwise, who are you?
ต้องประสบความสำเร็จ ไม่งั้นก็ไม่มีค่า [Napat] Yeah, I want the outcome to be good,
ครับ อยากให้ออกมาดี but like when you fixate on
this word too much, way too much,
แต่พอเรายึดติดกับคำนี้มากไป once you get there, you're like,
พอสำเร็จจริงๆ แล้ว “Why did I spend all that time
and opportunity cost?”
“ทำไมถึงเสียเวลาและต้นทุนค่าเสียโอกาสไปขนาดนั้น” Here's an economics 101,
เศรษฐศาสตร์ 101 on this thing which gave me less endorphin than
watching a soccer game or something.
เสียไปกับสิ่งที่ให้สารเอ็นดอร์ฟินน้อยกว่าดูฟุตบอลอีก [Bick] And then, like that,
we could feel better with the word ‘failure.’
แต่เรารู้สึกดีขึ้นได้กับคำว่าความล้มเหลว It's not that bad,
มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น it could teach you a whole lot, right?
สอนอะไรเราได้เยอะถูกไหม [Napat] I feel like
there's a taboo around that word.
ผมรู้สึกว่าคำนี้เป็นเรื่องต้องห้าม I think society would gain a lot
if we remove the taboo from that word
ถ้าขจัดความเชื่อตรงนี้ได้สังคมจะได้เรียนรู้อีกมาก because I don't know any person who's successful
without having failed at least a lot of times.
เพราะผมไม่รู้จักใครที่ประสบความสำเร็จและไม่เคยผิดพลาดมาหลายครั้งก่อน And people don't talk about it.
คนแค่ไม่พูดถึงมัน Maybe you should do a show
คุณน่าจะทำรายการนะ where you bring successful people
and talk about only their failures.
เอาคนที่ประสบความสำเร็จมานั่งเล่าถึงความล้มเหลว And I think people would learn a lot
คนน่าจะเรียนรู้ได้เยอะ because they themselves probably
learned a ton before they became successful,
เพราะพวกเขาเองก็คงได้อะไรเยอะก่อนจะสำเร็จเหมือนกัน and then once you look at them from
a whole wide-angle, 360°,
พอได้มุมมองจากทุกองศาแล้ว then you start to piece together
why they're there after everything that happened.
ค่อยปะติดปะต่อว่าเขาอยู่จุดนั้นได้ยังไง [Bick] So, would you like to share yours?
งั้นคุณอยากเล่าเรื่องของคุณไหมครับ [Napat] I'm not successful yet,
ผมยังไม่สำเร็จเลย maybe when I'm older.
ไว้ตอนผมแก่กว่านี้ [Bick] But you've been through
some failures, that's for sure.
แต่คุณคงผ่านความล้มเหลวมาบ้างอยู่แล้ว [Napat] Yeah, sure.
แน่นอนครับ You want me to share huh?
อยากให้ผมเล่าใช่ไหมครับ [Bick] So, let's just say,
what did your biggest failure teach you?
เอาเป็นแค่ว่าความล้มเหลวที่ใหญ่ที่สุดสอนอะไรคุณ [Napat] Oh yeah, I've made so many mistakes.
โอ้ครับ ผมทำผิดพลาดมาเยอะ I cannot tell everything
because I have shareholders,
ผมเล่าหมดไม่ได้ เพราะมีผู้ถือหุ้นคนอื่นด้วย but I'll say that I was wrong about many things.
แต่เอาเป็นว่าผมคิดผิดมาเยอะ I listened to advice
that I shouldn't have listened to.
ฟังคำแนะนำแบบผิดๆ มาก็ด้วย I spent too much money when I shouldn't have,
ผลาญเงินในสิ่งที่ไม่ควร I went too fast when I should have been slow.
ไปไวเกินไปในตอนที่ควรช้า สหพัฒนพิบูล has a great saying,
‘เร็ว ช้า หนัก เบา.’
สหพัฒนพิบูลเคยพูดไว้ว่า ‘เร็ว ช้า หนัก เบา’ This is one of the most important lessons
that I learned in doing business.
เป็นบทเรียนครั้งสำคัญในการทำธุรกิจเลยครับ There are sometimes
when you have to go really slow,
บางครั้งคุณต้องไปอย่างช้าๆ just survive, and you'll win,
เอาแค่ให้รอด and there are times
when this is the time that I crank it up.
บางครั้งก็ถึงเวลาต้องเร่งเครื่อง Sometimes it hurts you real bad,
บางครั้งมันทำคุณเจ็บหนัก and sometimes I wake up and I'm like,
ส่วนบางวันอาจตื่นมาแล้วพบว่า “Why did I work so hard last year
when it all seemed like it was for nothing?”
“ปีที่แล้วทำงานหนักขนาดไปเพื่ออะไร แทบไม่ได้อะไรกลับมา” It didn't work out at all,
and I had no one to talk to, you know, as a CEO.
มันไม่เวิร์กเลย แล้วพอคุณเป็นซีอีโอ คุณไม่มีใครให้ปรึกษา You can talk to all the CEOs, we're all lonely,
ลองถามซีอีโอคนอื่นๆ ดูได้ พวกเราเหงากันทั้งนั้น we cannot show weakness or whatever.
เราแสดงความอ่อนแอให้เห็นไม่ได้ Yeah, it's a lot.
ครับ หนักเหมือนกัน [Bick] That's why you started talking to an AI?
เลยเริ่มคุยกับเอไอหรือเปล่า [Napat] That's probably true.
อาจจะจริงก็ได้ครับ But, long story short, I think
once you remove yourself from the situation a bit,
แต่สรุปสั้นๆ พอเอาตัวเองออกมาจากสถานการณ์นั้นได้แล้ว you look at your life, look at the mistakes,
แล้วมองย้อนที่ชีวิต ที่ข้อผิดพลาดต่างๆ man, I'm glad that it happened to me
and it happened earlier.
ผมดีใจที่มันเกิดขึ้นนะ และเกิดขึ้นก่อน Imagine when
I'm running a much bigger corporation,
ลองนึกว่าถ้าตอนนี้บริหารบริษัทใหญ่กว่านี้ I don't want to be making
that kind of rookie mistake anymore.
คงไม่อยากทำพลาดแบบเดิมๆ อีกแล้ว [Bick] So, last but not least, our show ‘คำนี้ดี’,
คำถามสุดท้ายครับ ตามชื่อรายการ ‘คำนี้ดี’ What is your คำนี้ดี?
คำนี้ดีของคุณคืออะไร Your favorite words
in Thai and English, what are they?
ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ชอบคำไหน [Napat] In English first, I guess…
ภาษาอังกฤษก่อนแล้วกัน ‘Agency.’
ความสามารถในการเลือกและตัดสินใจด้วยตนเอง So, this is a word that is hard to find
a translation that works.
เป็นคำที่หาความหมายเป๊ะๆ ยากมาก ‘Agency,’ to me, has multiple meanings.
คำนี้สำหรับผมมีหลายความหมาย One is like an advertisement agency.
มีทั้งเอเจนซีโฆษณา This one, in this context, is
having the ability to act on its own, sort of,
ที่เราพูดถึงตอนนี้คือ ความสามารถในการตัดสินใจด้วยตนเอง and to fulfill goals on its own,
ทำตามเป้าได้ด้วยตนเอง taking initiative and being spirited about
how you go about your day.
เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ และมั่นใจในการเริ่มต้นวัน That's a bad explanation, I'm sure, but if you get…
อธิบายได้ไม่ดีเลย แต่ผมมั่นใจว่าถ้าคุณ… [Bick] But it's such a good word.
แต่เป็นคำที่ดีมากครับ [Napat] It's a good word, and it's really important,
คำนี้ดีครับ และสำคัญด้วย especially in a world full of robots
ยิ่งเฉพาะในโลกที่เต็มไปด้วยหุ่นยนต์ that are becoming more and more active
and taking more initiatives.
มันยิ่งคล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ และทำสิ่งใหม่ๆ เองได้ Like, it would ask you,
“Would you like me to go do X, Y, Z more?”
แบบมันจะถามเราว่า “คุณอยากให้ฉันทำแบบนี้ๆๆ ไหม” But for most people, if you ask something,
you'd be lucky if they answer you.
ส่วนกับบางคนถ้าถามไปแค่ตอบก็บุญแล้ว Let alone, “Oh, would you like something else?”
ไม่ต้องหวังว่าจะถาม “ให้ช่วยอะไรเพิ่มไหม” or “Should I be doing this and that?”
in addition to whatever you just asked the AI.
หรือ “ให้ฉันทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้นไหม” เพิ่มจากสิ่งที่คุณป้อนเอไอไป So, yeah, good word.
ครับ เป็นคำที่ดี [Bick] So, the ability to choose to do
what you want to do.
คือความสามารถในการตัดสินใจว่าอยากทำอะไร [Napat] It's more like an initiation,
it's kind of like a ‘ไฟ’ within the person to like…
เป็นเหมือนการริเริ่ม หรือ ‘ไฟ’ ในตัวคนด้วย I wake up and I'm like,
“Yeah, I want to do good stuff today.”
ที่ตื่นมา “วันนี้อยากทำอะไรดีๆ แฮะ” I want to achieve something today,
อยากทำอะไรให้เสร็จวันนี้ whether it's for yourself,
for the company, or for whatever reason.
ไม่ว่าจะเพื่อตัวเอง บริษัท หรืออะไรก็ตามแต่ [Bick] ‘Agency,’ that's a good word.
‘Agency’ เป็นคำที่ดีครับ How about one in Thai?
คำไทยล่ะครับ [Napat] One in Thai, let me think…
ขอผมคิดแป๊บ ‘เหลี่ยม’ [Bick] เหลี่ยมเหรอครับ [Napat] Yeah, เหลี่ยม.
ครับ เหลี่ยม [Bick] What context?
ในแง่ไหนครับ [Napat] เหลี่ยม as in…
เหลี่ยม ในเชิงแบบ… เหลี่ยม to me is almost like
เล่ห์เหลี่ยม but not as evil.
เหลี่ยมสำหรับผมคือเล่ห์เหลี่ยม ไม่ใช่เลวร้าย It's more like a skill
that you need to do well in life.
เป็นทักษะที่ต้องมีในการใช้ชีวิต I'm not saying, a lot of people would say,
Thai society operates in a เล่ห์เหลี่ยม style,
สังคมไทยใช้ความมีเล่ห์เหลี่ยม or like you need to know who, you need to like…
ต้องรู้จักคนนู้น ต้องทำแบบนั้น it's everywhere.
มีอยู่ทุกที่ครับ Even in Scandinavia,
I'm pretty sure it's still the same,
แม้แต่ในประเทศแถบสแกนดิเนเวียก็คงเหมือนกัน but they have a different way of เหลี่ยม.
แค่เหลี่ยมคนละแบบ Like, you don't want to be…
ถ้าคุณไม่อยากแบบ… the opposite of เหลี่ยม would be
ทื่อ or กลมเกินไป.
เพราะคำตรงข้ามของเหลี่ยมคือทื่อหรือกลมเกินไป Which ทื่อ and กลม
I don't know what shape it would look like,
ผมไม่รู้ว่าทื่อกับกลมนี่หน้าตายังไงนะ but it's hard to survive in this world,
แต่คงจะอยู่รอดยาก and I think you need
a little bit of เหลี่ยม to survive,
เราต้องเหลี่ยมกันบ้าง and to know what the other side wants
และรู้ทันว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร and what you would want,
and how do we come together in the middle.
ตัวคุณเองต้องการอะไร มาเจอกันตรงกลางได้ยังไง [Bick] Also, another good word,
I love both of them.
เป็นคำที่ดีอีกแล้ว ผมชอบทั้งสองคำเลยครับ [Napat] Thank you.
ขอบคุณครับ [Bick] Thank you so much for coming,
ขอบคุณที่มาครับ and well, of course,
if we want to know more about the AI,
และแน่นอนถ้าเราอยากรู้เรื่องเอไอมากขึ้น who will of course change in the future
or have new developments.
หรือใครจะเปลี่ยนอนาคต หรือมีสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา I would like to have you back
on the show someday.
ไว้ผมจะเชิญมาอีกนะครับ [Napat] I would be happy to be here.
ยินดีครับ [Bick] Thank you so much
for coming and talking to us.
[Napat] Thanks.
ขอบคุณที่มาร่วมพูดคุยกันวันนี้ครับ
ขอบคุณครับ